ฮวงจุ้ยที่ดิน ลักษณะที่ดินมงคล

ฮวงจุ้ยที่ดิน

ฮวงจุ้ยที่ดิน ควรเลือกลักษณะที่ดินแบบไหนถึงจะดี เพราะที่ดินดี ส่งผลดีต่อเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย

การสร้างบ้านแต่ละครั้งนั้น ต้องให้ความสนใจและใส่ใจในทุกๆส่วน ตั้งแต่รายละเอียดใหญ่จนถึงรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆ ถือว่าทุกส่วนช่วยให้บ้านสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และก่อนที่จะสร้างก่อนที่จะออกแบบนั้น ต้องดูลักษณะของที่ดิน ลักษณะของเนื้อที่ที่มีอยู่เสียก่อนว่ามีรูปทรงอย่างไร มากน้อยแค่ไหน จะได้ออกแบบและสร้างบ้านให้เหมาะสม

แต่ทราบกันไหมว่า ตามหลักของฮวงจุ้ยลักษณะของที่ดินนั้นสามารถส่งผลทั้งด้านบวกและด้านลบให้แก่เจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย ในบทความนี้ บริษัทรับสร้างบ้าน tampbuilder(แทมป์บิวเดอร์) จึงนำลักษณะของที่ดินที่ดีมาบอกกล่าวกัน เวลาไปเลือกซื้อที่ดินจะได้เลือกได้ถูกและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

การเลือกที่ดินเพื่อสร้างบ้านที่ดี ควรเลือกให้ถูกหลัก ฮวงจุ้ยที่ดิน มาดูกันว่าลักษณะที่ดินที่ถูกฮวงจุ้ยนั้นควรเป็นที่ดินลักษณะไหนบ้าง

 

สารบัญ

 

ฮวงจุ้ยที่ดิน มงคล

ฮวงจุ้ยที่ดินสี่เหลี่ยมคางหมู

ที่ดินที่นับว่าตั้งอยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสมคือ ที่ดิน หันทิศใต้ ให้ด้านหลังเป็นภูเขา(เต่าดำ) ด้านซ้ายมือควรมีเนินเขา (เสือขาว) ปกป้องไว้ และด้านขวาก็ควรมีเนินเขา (มังกรเขียว) ป้องกันไว้ ทั้งนี้เพราะว่าในสมัยโบราณเน้นเรื่องของการเพาะปลูก จึงต้องการชัยภูมิที่ตั้งให้อยู่ในจุดที่เป็นที่ราบ อาจมีการลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อการระบายน้ำที่ดี ใกล้แหล่งน้ำเพื่อใช้ทั้งสัญจรและเพาะปลูก แต่ก็ต้องการให้มีภูเขามาบังลมหนาวที่มาจากทิศเหนือรวมถึงเนินทั้งสองข้าง ที่จะช่วยชะลอแรงลม แต่ไม่ถึงกับปิดกั้นลมหรือฝนจนพื้นที่แห้งแล้ง

จุดนี้จึงเป็นเรื่องจริงที่สามารถนำมาใช้ในการเลือกชัยภูมิได้ แต่คงต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างไปบ้าง เช่น เรื่องแม่น้ำก็เปลี่ยนมาเป็นถนน ส่วนเรื่องภูเขาก็เปรียบได้กับอาคารตึกสูง เพื่อนบ้านข้างเคียง

อีกเรื่องที่ได้ยินกันบ่อยๆ สำหรับฮวงจุ้ยที่ดิน คือ ถ้าจะซื้อที่ดินสักผืนให้มีรูปร่างเป็นถุงทองจะดีที่สุด เป็นมงคล ซึ่งข้อนี้ถ้าว่ากันไปตามลักษณะของผืนที่ดินแล้ว ลักษณะผืนที่ดินที่เหมาะกับการใช้งานจริงๆ คือ เข้าข่ายสี่เหลี่ยมจะดีที่สุด ส่วนจะเป็นจัตุรัสหรือผืนผ้าก็แล้วแต่ แต่อย่าใช้ถึงขนาดเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแคบยาวจนใช้งานอะไรไม่ได้

ส่วนที่มาเรื่องรูปร่างที่ดินถุงทองดีนั้น อาจมาจากเรื่องที่มีผู้รู้บางท่านได้กล่าวไว้ว่า สมัยโบราณประเทศจีนจะเก็บอัตราภาษีค่าหน้าร้านที่ติดถนนตามขนาดความกว้างของ คูหา โดยไม่ได้สนใจว่าเนื้อที่สถานประกอบการมีพื้นที่รวมเท่าไหร่ ถ้ามาแบบนี้ หน้าร้านที่ติดถนนแคบหน่อยก็รับได้จะได้จ่ายภาษีน้อยๆ ไปบานพื้นที่เอาข้างในสำหรับใช้งาน ซึ่งกฎนี้ปัจจุบันคงใช้ไม่ได้แล้วเพราะเปลี่ยนกติกาไปมากแล้ว

ที่ดินให้ผลตอบแทนเมื่อนำมาก่อสร้างใช้งานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจะเข้าข่ายพวกที่เป็นสี่เหลี่ยมตามที่กล่าวมาแล้วจะดีสุด เพราะพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยมใช้งานง่ายและกฎหมายสมัยใหม่จะบังคับเรื่องผนัง อาคารที่ต้องถอยร่นจากแนวที่ดินรอบด้าน ซึ่งถ้าที่ดินมีเหลี่ยมมุมแปลกๆ และอาคารยังเป็นรูปสี่เหลี่ยมก็เท่ากับต้องเว้นพื้นที่บางส่วนทิ้งไป

 

การเลือกที่ดินเปล่าให้ถูกหลักฮวงจุ้ย

ที่ดินเลือกเจ้าของ

หากเราสามารถเลือกที่ดินเปล่าที่ถูกหลักฮวงจุ้ยได้ตั้งแต่ต้นการที่เราจะเริ่มสร้างสิ่งปลูกสร้างให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยนั้นก็จะเป็นไปได้อย่างสอดคล้องกับหลักการทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม เป็นที่มาของความเจริญรุ่งเรืองของเจ้าของบ้านและสมาชิกภายในครอบครัวนั่นเอง

เพราะการเลือกที่ดินให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยนั้นซินแสจะให้ความสำคัญทั้งเรื่องศาสตร์ฮวงจุ้ยในเชิงชัยภูมิ (Landform Feng Shui Theory) และ ศาสตร์ฮวงจุ้ยในเชิงองศาทิศทาง (Compass Feng Shui Thery) เพื่อให้ที่ดินของเราสามารถรับและสะสมกระแสพลังงานชี่ (Qi) ได้อย่างพอเพียงและมีทิศทางของที่ดินที่เป็นทิศทางที่เสริมกับดวงชะตาของเจ้าของที่ดินตามการดูดวงในระบบโป๊ยหยี่ซี้เถียว (Four Pillars) นั่งเอง โดยผมสามารถกล่าวถึงหลักการในการเลือกที่ดินเปล่าที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยได้ดังนี้

1. ลักษณะของที่ดินเป็นรูปทรงที่สามารถกักเก็บกระแสพลังงานได้

เนื่องจากฮวงจุ้ยนั้นเป็นเรื่องของการบริหารกระแสพลังงานตามธรรมชาติ หากลักษณะที่ดินนั้นไม่สามารถเปิดให้กระแสพลังงานนั้นหลากเข้าไปได้สะดวกหรือหากกระแสนั้นหลากเข้าไปได้ แต่ไม่สามารถกักเก็บได้ก็ยังไม่อ่านว่าเป็นลักษณะของฮวงจุ้ยที่ดีอยู่ดี

โดยรูปทรงของที่ดินเบื้องต้นนั้น หากเป็นที่ดินที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมไม่ว่าจะเป็นจัตุรัสหรือผืนผ้าที่ด้านหน้าของที่ดินนั้นไม่แคบจนเกินไป ถือว่าเป็นรูปทรงของที่ดินที่ใช้งานได้ เพราะหากที่ดินหน้าแคบเกินไปก็จะไม่สามารถเปิดรับกระแสพลังงานจากด้านหน้าที่ดินได้
และหากเป็นไปได้การที่หน้ากว้างที่ดินด้านหน้านั้นกว้างน้อยกว่าหน้ากว้างที่ดินด้านหลังเล็กน้อยนั้นก็ถือว่าเป็นรูปแบบที่ช่วยในการสะสมกระแสพลังงานให้ไม่สามารถออกไปไหลได้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามสำหรับในเรื่องของหน้ากว้างที่ดินที่เรามักพูดกันกว่า “หน้าแคบ หลังกว้าง” นั้นก็ยังไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะเรายังสามารถใช้การออกแบบชัยภูมิที่ดินร่วมไปได้ด้วย

 

2. ที่ดินต้องไม่เป็นระดับที่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับพื้นที่ดินข้างเคียง

เนื่องจากกระแสอากาศไหลรวมลงสู่ที่ต่ำตามกฎของนิวตัน (Newton Gravity Law) ดังนั้นหากที่ดินของเรามีระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับที่ดินข้างเคียง ก็หมายถึงว่าที่ดินของเราสามารถสะสมกระแสอากาศได้มากกว่าผู้อื่น หากเราสามารถเลือกทิศทางของที่ดินให้เป็นทิศทางที่รับกระแสโชค ก็จะเป็นที่มาของความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งในระยะยาวได้

หรือให้เราลองสังเกตุแผนที่ดาวเทียวของประเทศไทยได้ว่ากรุงเทพฯนั้นถือเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีระดับที่ดินค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆในประเทศ จึงสามารถทำให้สะสมกระแสอากาศได้มากกว่าจังหวัดอื่นๆ ยิ่งประกอบเข้ากับการที่มี “มังกรน้ำ” ของแม่น้ำพระยา เป็นจุดที่จ่ายกระแสให้อย่างต่อเนื่องยิ่งเป็นเหตุที่ทำให้ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีชัยภูมิที่ดีมากขึ้นไปอีก

 

3. มีจุดจ่ายกระแสพลังงานไม่ว่าจะเป็นมังกรภูเขามังกรน้ำ และ มังกรที่ราบได้

เพราะถึงหากว่าที่ดินมีรูปทรงที่ดีสามารถสะสมกระแสได้ แต่ไม่มีจุดจ่ายกระแสพลังงานได้ก็ยังไม่อ่านว่าเป็นที่ดินที่มีชัยภูมิในทางฮวงจุ้ยที่ดีพอ ลักษณะของสายน้ำที่ลากผ่านหน้าที่ดินซึ่งในปัจจุบันนี้ซินแสจะมองว่าเป็นถนน หรือแนวเขา ที่จ่ายกระแสมาที่ที่ดินของเรา หรือในปัจจุบันได้แก่ อาคารข้างเคียง หรือแม้กระทั่งแอ่งน้ำ แนว Slope ของถนนหรือที่ดิน หรือ ช่องลมของอาคารตรงข้ามที่ดิน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก

โดยในข้อนี้ท่านต้องได้รับคำปรึกษาจากซินแสที่มีประสบการณ์ เพราะหากท่านสามารถเลือกแนวกระแสพลังงานที่เหมาะสมกับลักษณะที่ดินของท่านได้ยิ่งมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นที่มาของความเจริญรุ่งเรือง

 

เพิ่มเติมการเลือกที่ดินเปล่ามงคล

ท้ายที่สุดนั้นท่านต้องเลือกองศาทิศทางของที่ดินให้เข้ากับดวงชะตาของเจ้าของที่ดินและสมาชิกภายในครอบครัว เนื่องจากใน ปี เดือน วัน ยาม ที่เราเกิดมานั้นเราจะประจุพลังงานที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นผลให้ดวงชะตาของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกัน เป็นที่มาของความเจริญรุ่งเรืองที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล

หากซินแสนั้นมีประสบการณ์มากเพียงพอ ก็จะสามารถหาได้ว่าดวงชะตาของแต่ละบุคคลนั้นมา “ธาตุ” ที่ชอบเป็นธาตุอะไร ก็จะหาทิศทางของที่ดินให้เป็นทิศทางของธาตุที่เจ้าบ้านและสมาชิกในครอบครัวนั้นชอบด้วย เมื่อครอบครัวนั้นได้เข้าอยู่ก็จะรับกระแสพลังงานที่ตัวเองขาดไป เข้าไปเติมเต็มดวงชะตาเป็นที่มาของความเจริญรุ่งเรืองได้ ลักษณะที่ดินที่ดีมีดังต่อไปนี้

 

รูปทรงที่ดินมงคล

ที่ดินรูปทรงต่างๆ

1. ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส

ฮวงจุ้ยที่ดินหากมีบ้านหรือที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสแล้ว ถือว่าโชคดีมาก ๆ เพราะลักษณะรูปทรงของฮวงจุ้ยที่ดินแบบนี้ สามารถจัดการพลังชี่ที่เข้ามาในตัวบ้านได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสยังสะดวกต่อการวางแปลนบ้าน เพราะไม่ว่าจะวางมุมไหนของที่ดินก็จะได้รับพลังงานดีอย่างทั่วถึง

และถ้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ให้ทำสวนหรือปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่บริเวณหลังบ้าน จะช่วยสร้างความสมดุลได้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะการมีต้นไม้ใหญ่ปลูกหลังบ้าน เปรียบเสมือนได้รับการสนับสนุนจากผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย อีกทั้งยังช่วยลบมุมจากผืนที่ดินได้ดีอีกด้วย โดยธาตุที่สัมพันธ์กับที่ดินนี้ คือ ธาตุดิน

อย่างไรก็ตาม การเลือกที่ดินให้ถูกหลักฮวงจุ้ยนั้น ย่อมต้องพิจารณาปัจจัยอื่นที่นอกเหนือไปจากรูปทรงด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางเข้า – ออกที่ดินที่ควรเป็นไปอย่างสะดวกสบาย เพราะแม้ว่าจะเป็นที่ดินที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยที่ดิน แต่ไม่มีทางเข้า – ออกที่เหมาะสมก็ไม่อาจเรียกได้ว่าที่ดินที่ดีได้

นอกจากนั้น ตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินไม่ควรอยู่สุดซอยซึ่งเป็นทางตัน แต่ควรอยู่ใกล้ถนนใหญ่ที่สัญจรสะดวก มีรถราผ่านไป – มา ด้วยเหตุผลเรื่องความสะดวกสบายในการสัญจรและความปลอดภัยของเจ้าบ้านนั่นเอง

2. ที่ดินรูปวงกลม

ที่ดินที่มีรูปเป็นวงกลม ถือว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดินที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ว่าพลังชี่ที่เข้ามาในตัวบ้านจะผ่านมาแล้วผ่านออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ลักษณะที่ดินแบบนี้เก็บทรัพย์ไม่ค่อยอยู่ วิธีแก้ฮวงจุ้ยแบบนี้ ให้ลองหารูปภาพมาแขวนตกแต่งตามโถงทางเดินหรือทางขึ้นบันไดเพื่อช่วยชะลอความเร็วของพลังงานซี่ที่ไหลเวียนเข้ามาในอาณาบริเวณ และกักเก็บพลังงานไว้สร้างความเป็นสิริมงคลแก่เจ้าบ้านได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น โดยธาตุที่สัมพันธ์กับที่ดินนี้ คือ ธาตุโลหะ

3. ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมคางหมู

ฮวงจุ้ยที่ดินกรณีที่ดินแบบนี้เราจะแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ “หน้ากว้างหลังแคบ” กับ “หน้าแคบหลังกว้าง” สำหรับที่ดินที่เป็นแบบหน้าแคบหลังกว้าง ถือว่าเป็นที่ดินที่มีรายจ่ายมากและเก็บเงินได้น้อยตามรูปลักษณะของฮวงจุ้ยที่ดิน ส่วนหน้ากว้างหลังแคบนั้น ถูกจัดเป็นฮวงจุ้ยที่ดี แต่ในช่วงแรกนั้นจะค่อนข้างลำบากสักหน่อย ถ้ามองในระยะยาวจะเก็บเงินได้เยอะ เนื่องจากเป็นพื้นที่เปิดรับเงินทองหรือรายรับได้มาก แถมยังเก็บทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ได้อยู่เนื่องจากส่วนหลังบ้านแคบ

นอกจากนั้น ยังดูแลความปลอดภัยได้ง่าย เนื่องจากหลังบ้านไม่กว้างมากนัก ส่วนด้านหน้าหากติดถนนใหญ่ก็สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำร้านขายของ การปลูกต้นไม้ ทำบ่อปลาเพื่อเพิ่มสมดุลระหว่างธาตุน้ำกับธาตุโลหะให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าบ้านดียิ่งขึ้น ให้พิจารณาด้านหน้าของที่ดินถ้ามีกระแสพุ่งเข้าถือว่าดี โดยธาตุที่สัมพันธ์กับที่ดินนี้ คือ ธาตุน้ำ

4. ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ฮวงจุ้ยที่ดินของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จัดเป็นฮวงจุ้ยที่ดินที่ดีเหมือนอย่างสี่เหลี่ยมจัตุรัสเช่นกัน แต่จะมีลักษณะอีกแบบที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนกัน ในกรณีของที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้น หากมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ได้สัดส่วน (อัตราส่วนของความยาวต่อความกว้างไม่ควรเกิน 2.5 : 1 ) ไม่แคบจนเกินไปก็จัดได้ว่าเป็นที่ดินที่มีฮวงจุ้ยดีไม่ต่างจากที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส

หากที่ดินมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงคือมีลักษณะที่บีบเล็กเหมือนใบมีด ลักษณะแบบนี้เราเรียกว่า “ที่ดินรูปเส้นก๋วยเตี๋ยว” ซึ่งที่ดินแบบนี้จะสร้างพลังร้ายมารบกวนพลังชี่ดีที่เข้ามาในตัวบ้านได้ ฉะนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงที่ดินลักษณะดังกล่าว เพราะหากใช้ปลูกบ้านเจ้าของอาจอยู่ไม่สุขเท่าที่ควร หรือหากซื้อเพื่อการลงทุนก็อาจจะขายยาก ได้ราคาไม่ดีนั่นเอง โดย

ธาตุที่สัมพันธ์กับที่ดินนี้คือ ธาตุไม้

5. ลักษณะที่ดินท้องมังกร

ในทางฮวงจุ้ย ตำแหน่งหรือทำเลที่ดี ต้องเป็นทำเลที่มีการสะสมของพลังชี่ได้ดี ซึ่งตำแหน่ง “ท้องมังกร” ถือเป็นหนึ่งในทำเลฮวงจุ้ยที่ดีที่สุด โดยทำเลท้องมังกรหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นสถานที่กักเก็บพลังงานมังกรที่จะนำความเจริญรุ่งเรืองและโชคลาภมาให้ในสถานที่นั้น

สมัยก่อนมังกรอาจคือแม่น้ำ ท้องมังกรมีลักษณะโค้ง ถนน โอบอุ้มหรือมีถนนโอบล้อม ดังนั้นทำเลที่มีลักษณะดังกล่าว จึงถือได้ว่าเป็นมงคลมากที่สุด ว่ากันว่าเยาวราชหรือไชน่าทาวน์เมืองไทยก็มีทำเลเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน

เพิ่มเติมฮวงจุ้ยที่ดินมงคล

1. ที่ดินควรมีลักษณะเต็ม ไม่เว้าแหว่งหรือขาดวิ่น เช่น มีลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมแบบเต็มๆ จะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ด้านกว้างกับด้านยาวไม่แตกต่างกันมากก็ได้

2. ที่ดินที่มีลักษณะมองดูคล้ายถุงเงิน หรือรูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่มีด้านหน้าแคบกว่าด้านหลัง ลักษณะเช่นนี้ จะทำให้มีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา ความเป็นอยู่จะอุดมสมบูรณ์ สุขสบายทั้งกายและจิตใจ

3. พื้นที่ข้างหลังติดกับตึกหรือภูเขา
เพราะการที่อยู่ติดกับตึกและภูเขา เปรียบเสมือนกับการได้รับการค้ำจุนมีที่พึ่งมีคนคอยสนับสนุน มีเพื่อนอยู่เคียงข้าง เมื่อเจออุปสรรค์ต่างๆ จะได้รับความช่วยเหลืออยู่เสมอ ทำอะไรก็จะประสบผลสำเร็จเพราะมีคนคอยแนะนำและช่วยเหลือ เวลาเจอปัญหาใดๆจะผ่านไปได้โดยง่าย

4. ที่ดินควรมีผิวหน้าดินเรียบ ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ หรือขรุขระ ควรให้อยู่ในระดับที่เสมอกับถนนหรือพื้นที่รอบข้าง ที่สำคัญที่ดินไม่ควรจะอยู่ระดับต่ำกว่าถนนและพื้นที่โดยรอบ
ที่ดินควรราบเรียบเท่ากันทั้งผืน

หากที่ดินผืนไหนที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเลือกซื้อเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย ควรจะเลือกลักษณะหน้าดินที่มีความราบเรียบสม่ำเสมอเท่ากันทั่วทั้งพื้นที่ เพราะการเลือกที่ดินที่มีลักษณะด้านหน้าสูงกว่าด้านหลังตามความเชื่อกล่าวไว้ว่าส่วนพื้นดินที่สูงจะทำให้บดบังความโชคดี การเงินขัดข้อง และมักจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก

และพื้นดินที่ต่ำหรือเป็นหลุมบ่อจะกักเก็บความโชคร้าย เกียรติยศเสื่อมถอย แถมการเงินโชคลาภก็ไม่เจริญงอกงามอีกด้วย เพราะถึงว่าเป็นการสร้างบ้านจมดิน

5. ที่ดินที่มีแม่น้ำไหลผ่าน แต่ต้องเป็นแม่น้ำที่มีความสะอาด ถือว่าเป็นที่ดินที่เป็นมงคล ช่วยให้ความชุ่มชื่น ความอุดมสมบูรณ์ และส่งผลให้สุขภาพร่างกายของผู้อยู่อาศัยดีอีกด้วย

6. ทำเลค้าขายที่ดี ต้องมี “กระแสชีวิต” ไหลเวียน
กระแสชีวิตตามหลักฮวงจุ้ยหมายถึงการล้อมรอบด้วยถนน แม่น้ำ หรือผู้คนสัญจร จะทำให้ทำเลมีความอุดมสมบูรณ์ รับทรัพย์ดี ซึ่งก็ตรงตามหลักเหตุผล เพราะถ้าที่ดินอยู่ในจุดที่คึกคัก คนเข้าถึงง่าย ย่อมดีกับการทำธุรกิจ
หรือกล่าวได้ว่าอยู่พื้นที่อยู่ในแหล่งชุมชน

ที่ดินที่ดีจะถูกนำมาปลูกเป็นที่อยู่อาศัย การที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชนจะได้รับประโยชน์ในด้านการเจริญของสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าการที่อยู่ที่ไกลๆจากแหล่งชุมชน

7. หลีกเลี่ยงที่ดินลาดเท
ฮวงจุ้ยว่าที่ดินที่พื้นเอียง ลาดเทไปด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ขนานกับท้องฟ้าและผืนน้ำ จะทำให้เงินทองไหลออก ซึ่งในความจริงแล้วพื้นที่ลาดเอียงจะเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุรถไหล และเป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง เจ้าของอาจต้องเสียเงินถมปรับหน้าดินใหม่ถึงจะใช้งานได้ กลายเป็นการเพิ่มต้นทุน

8. หลีกเลี่ยงที่ดินที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก
หลายคนถือว่าทิศตะวันตกนั้นไม่ดี ด้วยชื่อที่ดูไม่ค่อยมงคล ขายไม่ได้ราคา ซึ่งตามหลักความจริงแล้วบ้านหรือร้านที่หันหน้าทางทิศตะวันตกจะอากาศร้อน เพราะโดนแดดส่องตลอดช่วงบ่าย ทางแก้ที่ทำได้คือปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น หรือเพิ่มบ่อน้ำด้านหน้า

9. หลีกเลี่ยงที่ตรงทาง 3 แพร่ง ยกเว้นเป็นแปลงใหญ่
ตามหลักฮวงจุ้ยมักบอกว่าทาง 3 แพร่งเป็น “ทางผีผ่าน” ไม่เหมาะทำค้าขายหรืออยู่อาศัย ซึ่งเหตุผลจริง ๆ ก็คือทำเลตรง 3 แยกจะเป็นจุดที่จอดรถแวะได้ยาก แถมเสี่ยงอุบัติเหตุโดนรถพุ่งชน อย่างไรก็ตาม หากเป็นที่ดินแปลงใหญ่ระดับ 10 ไร่ขึ้นไป ตรงทาง 3 แพร่งกลับเป็นเรื่องดี เพราะพื้นที่ติดถนนเยอะ เข้าออกง่าย แบ่งขายสะดวก

10. ระวังพลังลบจากที่ดินเพื่อนบ้าน
ดู 4 ทิศแล้ว ก็ต้องดูเพื่อนบ้านด้วยว่าปล่อย “พลังลบ” ออกมาหรือไม่ เช่น สุสาน เมรุ บ้านร้าง กองขยะ ป่ารก สถานที่อโคจร ฯลฯ เพื่อนบ้านเหล่านี้จะทำให้ทัศนียภาพเสีย เพิ่มโอกาสเกิดอาชญากรรม และขายต่อยาก

11. พื้นที่ด้านหน้าโล่งกว้าง
การที่มีพื้นที่แล้วด้านหน้ามีความโปร่งโล่งกว้างเป็นสิ่งที่ดีและเป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะเปรียบเสมือนการนำโชคลาภมาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของและครอบครัว เป็นที่รวมของเงินทองและส่งเสริมบารมีให้กับผู้อยู่อาศัย

12. ทำความเข้าใจเรื่อง “เจ้าที่เจ้าทาง”
พูดถึงเจ้าที่อาจฟังดูงมงาย แต่ความจริงแล้วหมายถึงการตรวจสอบประวัติของที่ดินผืนนั้นว่าเคยมีเหตุร้ายเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม ฆาตกรรม หรือเจ้าของเดิมเคยทำธุรกิจแล้วเจ๊งมาก่อน หากเป็นแบบนี้ก็ควรระวัง เพราะที่ตรงนั้นอาจมีสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดเหตุร้ายได้ง่าย หรือไม่เหมาะกับการค้าขายตั้งแต่ต้น ถึงจะซื้อได้ในราคาถูก แต่ก็ขายต่อได้ราคาถูกเช่นกัน

ได้ทราบถึงลักษณะที่ดินที่ดีกันไปบ้างแล้ว สามารถนำไปใช้พิจารณาในการเลือกซื้อที่ดินได้อย่างถูกต้องมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกซื้อที่ดินยังมีปัจจัยอื่นที่สมควรต้องคำนึงถึงอีกด้วย อาทิเช่น ทำเลที่ตั้ง สภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ความเหมาะสมทางด้านราคา บางท่านอาจนิยมในเมือง

บางท่านอาจนิยมสัมผัสธรรมชาติ แม้ที่ดินจะไม่ได้สวยสมบูรณ์ตามหลักฮวงจุ้ย แต่หากอยู่แล้วสบายใจ ก็ไม่ต้องกังวลไป นั่นหมายถึงว่า สิ่งนี้ เหมาะกับท่านแล้ว

 

ฮวงจุ้ยบ้าน ลักษณะมงคล อยู่แล้วร่ำรวยเงินทองมั่งคั่ง สงบร่มเย็น เสริมดวงเฮงๆ

กดอ่าน >>ฮวงจุ้ยบ้าน

 

จากครอบครัวช่างผู้รับเหมาก่อสร้าง ใช้วัสดุคุณภาพสูง งบไม่บานปลาย เสร็จตามเวลา ช่างไม่ทิ้งงาน วางใจถึงหลังส่งมอบ มีประกันงาน บริการสร้างบ้าน รับออกแบบบ้านสวยๆ ทุกสไตล์ บ้านชั้นเดียว บ้านสองชั้น ขนาดเล็กและใหญ่ ราคาเหมาะสม ตามงบประมาณ กับ TAMPBUILDER(แทมป์บิวเดอร์) บริษัทรับสร้างบ้าน

 

บ้านท้องมังกร คืออะไร เป็นที่ดินฮวงจุ้ยที่มงคลอย่างไร

คำว่า “ท้องมังกร” นั้นเป็นลักษณะที่ใช้เรียกทำเลที่ดี สมบูรณ์ ถือว่าเป็นเลิศในทางฮวงจุ้ย และยังหาได้ยาก แถมใครๆ ต่างก็ต้องการที่จะมีบ้าน ร้านค้า ธุรกิจอยู่ในทำเลท้องมังกร เพราะทำเลท้องมังกรนั้นหมายถึงทำเลที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ เก็บพลังมังกรซึ่งจะนำความเจริญรุ่งเรือง โชคลาภสิ่งที่ดีเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้น

ลักษณะที่ดินท้องมังกร

ลักษณะของทำเลท้องมังกร

ทำเลท้องมังกร จะมีลักษณะรูปทรงคล้ายตัว U ซึ่งจะมีลักษณะโค้ง จะเป็นคุ้งน้ำ แม่น้ำ หรือถนนโอบอุ้ม โอบล้อม ซึ่งสอดคล้องกับการเลือกทำเลที่ดินในสมัยก่อนที่เน้นไปที่การเพาะปลูก ทำการเกษตร ดังนั้นจากลักษณะของท้องมังกรที่กล่าวไปว่ากันว่าเป็นจุดที่ดินอุดมสมบูรณ์ เพราะทำเลที่เป็นคุ้งน้ำคดเคี้ยวทำให้กระแสน้ำไหลช้า น้ำจะพัดพาเอาปุ๋ยจากธรรมชาติมาสะสมบริเวณนี้

นอกจากนี้ลักษณะที่เป็นโค้งโอบอุ้ม น้ำยังทำให้ดินบริเวณนั้นชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาการเพาะปลูกบนดินที่ดีย่อมให้ผลผลิตที่ดีตามไปด้วย ดังนั้นบ้านที่ปลูกในทำเลท้องมังกรจึงเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความรุ่งเรื่อง โชคลาภ

ที่ดินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับกลายเป็นทำเลที่เสีย เพราะน้ำที่ไหลเข้าโค้งจะทำลายหน้าดินบริเวณนั้นไปจนหมด บ้านที่ปลูกบนที่ดินบริเวณนี้ ตามหลักฮวงจุ้ยบอกว่าจะพบกับความวิบัติ มีแต่เรื่องเสียหายโดยเฉพาะเรื่องของโชคลาภ เพราะถูกกระแสน้ำเฉือนเอาไป นั่นเอง
อีกทั้งยังเชื่อว่าบ้านที่สร้างบนที่ดินท้องมังกร จะได้รับประโยชน์จากกระแสชี่ที่ดีถึง 3 ด้าน ถ้าบริเวณนั้นเป็นจุดในการทำการค้าจะได้ประโยชน์อย่างมาก

ประโยชน์ของที่ดินท้องมังกร

หากเราสร้างบ้านบนทำเลท้องมังกร ข้อดี คือการเข้า – ออกบ้านได้หลายทาง โดยเฉพาะหากมีบ้านหลายหลังสร้างอยู่บนพื้นที่เดียวกันก็จะสามารถเข้า – ออกได้หลายทาง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าทางเดียวกันเหมาะมากสำหรับที่ดินขนาดใหญ่ เพราะหากเป็นที่ดินผืนเล็กที่มีลักษณะเป็นท้องมังกร ไม่น่าจะเหมาะเพราะการถูกโอบไว้ทั้ง 3 ด้านนั้นทำให้ยากต่อการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับบ้าน จึงเหมาะกับการตั้งร้านค้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อเข้าถึงร้านได้หลายทาง

บ้านที่อยู่บนถนนที่เป็นเส้นตรง จะได้ประโยชน์จากกระแสชี่ที่ไหลเข้าสู่ตัวบ้านเพียงด้านเดียว ถ้าเป็นบ้านที่อยู่หัวมุมก็จะรับกระแสได้ 2 ด้าน แต่ทำเลท้องมังกรจะได้ถึง 3 ด้าน นี่แหละถึงเรียกว่าทำเลที่เป็นเลิศ เป็นชัยภูมิที่เป็นมงคลและให้ประโยชน์สูงสุดในทางฮวงจุ้ย

 

ลักษณะบ้านริมน้ำที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย

a. บ้านริมแม่น้ำลําคลอง

ที่ดินติดน้ำ

บ้านที่สร้างติดแม่น้ำลําคลอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ้านสมัยก่อน ที่นิยมสร้างใกล้แม่น้ำ ถ้ามองในเชิงของฮวงจุ้ย บ้านริมน้ำถือว่าเป็นบ้านที่น่าจะถูกฮวงจุ้ยที่สุด เพราะมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับธรรมชาติ สภาพของหยิน – หยางสมดุล อากาศก็เย็นสบาย แต่ข้อสังเกตเวลาวิเคราะห์บ้านประเภทนี้ว่าฮวงจุ้ยดีหรือไม่จะ ต้องพิจารณาปัจจัย ดังต่อไปนี้

1. ตำแหน่งบ้านอยู่บริเวณคุ้งน้ำ การดูคุ้งน้ำถือว่าสําคัญมาก เปรียบได้กับการดูถนนเข้าบ้าน ลองสังเกตว่าตําแหน่งของบ้านอยู่ บริเวณคุ้งน้ำ เป็นทางโค้งหรือไม่ ถ้าเป็นทางโค้ง กระแสน้ำจะต้องโอบตัวบ้านจึงจะถือว่าดี แต่ถ้าเป็นโค้งที่ตีจาก โดยหันส่วนโค้งเข้าหาบ้าน อย่างนี้ถือว่าฮวงจุ้ยบ้านนั้นเสียทันที

2. ตําแหน่งบ้านอยู่บริเวณทางแยก ไม่ว่าจะสามแยกสี่แยก ก็จะถือว่าได้รับอิทธิพลจากสายน้ำที่ร้ายเช่นกัน เพราะบริเวณทางแยก จะเป็นจุดรวมน้ำที่ไหลมาจากเส้นทางอื่นๆ ทําให้กระแสน้ำบริเวณนั้น หมุนวน ปั่นป่วน ถือเป็นน้ำที่ให้ผลเสียมากกว่าผลดี

3. ตําแหน่งบ้านอยู่ปลายน้ำ ตําแหน่งนี้ในทางฮวงจุ้ยถือว่าร้ายมาก เพราะบ้านจะไม่ได้รับประโยชน์จากสายน้ำเลย กลับเป็นผลเสียมากกว่า เพราะน้ำจะพัดพาเอาตะกอนมาทับถมกันบริเวณนี้ สภาพของน้ำจะนิ่ง ซึ่งถือเป็นน้ำตาย ไม่เจริญ ถ้ากระแสน้ำรุนแรงและตําแหน่งบ้านอยู่ตรงกับแม่น้ำพอดี อย่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับทางสามแพร่งดีๆ นี่เอง

4. คุณภาพของน้ำ ปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ เรื่องคุณภาพของน้ำในแม่น้ำลําคลอง ถ้าน้ำใสสะอาด ไม่มีสิ่งปฏิกูลใดๆ ลอยฟองอยู่ในน้ำ ก็ถือว่าฮวงจุ้ยบ้านนั้นได้ประโยชน์ แต่ถ้าน้ำเน่า ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วลําน้ำ บ้านที่อยู่ใกล้ก็จะหาความสุขได้ยาก แถมยังส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคนในบ้านอีกด้วย

นอกจากการดูความเน่าเสียของน้ำแล้ว คุณภาพน้ำอีกประการหนึ่ง ที่บ่งบอกว่าน้ำนั้นมีคุณภาพดีหรือไม่ ให้ดูที่กระแสน้ำที่ไหลผ่านบ้านว่าเป็นเช่นไร ตามหลักฮวงจุ้ยจะบอกว่า น้ำที่ดีจะต้องไหลอย่างเรื่อยๆ เนื่อยๆ ไม่เร็วไปหรือไม่ใช่ไม่ไหลเลย กระแสที่ไหลเชี่ยวกราก ย่อมเป็นน้ำที่ไม่ดี โชคลาภบ้านนั้นจะไม่มีเหลือ

5. ระยะห่างระหว่างบ้านกับน้ำ บางคนคิดว่าการที่บ้านอยู่ติดน้ำจะให้ผลดีที่สุด ความจริงแล้วในทางฮวงจุ้ยจะบอกว่า การที่บ้านอยู่ติดกับน้ำมากเกินไป จะเป็นผลเสียมากกว่า เพราะคนในบ้านจะได้รับความชื้นมาก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ ระยะห่างที่ทางฮวงจุ้ยกําหนดไว้ จะใช้ความสูงของบ้านคูณด้วย 3 เช่น บ้านสูง 5 เมตร ระหว่างจากน้ำไปถึงตัวบ้านคือ 15 เมตร ซึ่งถือเป็นระยะห่างที่เหมาะสม

b. บ้านริมทะเลสาบ

ที่ดินติดทะเลสาบ

จุดขายของหมู่บ้านส่วนใหญ่ มักจะจูงใจให้คนมาซื้อด้วยการสร้างทะเลสาบภายในโครงการ หรือไม่ก็เป็นสวนสาธารณะ โดยที่บ้านติดทะเลสาบ หรือสวนสาธารณะ จะมีราคาแพงกว่าจุดอื่น การที่ทางโครงการกล้ากําหนดราคาสูงกว่าจุดอื่น ก็เพราะทําเลที่ติดกับทะเลสาบ ถือเป็นทําเลที่ดีที่สุด และเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป ที่ปรารถนาที่จะมีบ้านติดน้ำ

ใครๆ ก็อยากได้บ้านริมน้ำกันทั้งนั้น บ้านริมน้ำในแบบที่ติดทะเลสาบ จะมีส่วนที่ต่างไปจากบ้านที่ติดแม่น้ำลําคลอง เพราะฉะนั้นการวิเคราะห์ฮวงจุ้ยบ้านริมทะเลสาบ จึงมีปัจจัยในการพิจารณาไม่เหมือนกัน จุดต่างที่เห็นได้ชัดก็เห็นจะเป็นเรื่องของน้ำนั่นแหละ

น้ำในทะเลสาบจะถูกสร้างขึ้นมา ไม่ใช่น้ำตามธรรมชาติ เหมือนแม่น้ำลําคลอง คุณภาพของน้ำจึงสามารถที่จะควบคุมได้ ส่วนน้ำในแม่น้ำ จะไม่สามารถควบคุมได้ วันดีคืนดีอาจจะเน่าเสียขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ ซึ่งจะทําให้ฮวงจุ้ยบ้านสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา นั่นเป็นข้อดีของบ้านริมทะเลสาบ

ส่วนข้อเสียที่เห็นได้ชัดก็คือ บ้านส่วนใหญ่จะหันหลังให้ทะเลสาบ ซึ่งผิดหลักพื้นฐานในทางฮวงจุ้ยที่หลังบ้านโล่งเป็นน้ำ แต่โครงการที่ให้หน้าบ้านหันไปที่ทะเลสาบก็มี แต่จะมีน้อยมาก

โดยหลักการที่ถูกต้องแล้ว จะต้องให้หน้าบ้านหันไปที่ทะเลสาบ โดยมีถนนขั้นกลางระหว่างบ้านกับทะเลสาบ ทําให้ระยะห่างระหว่างบ้านกับทะเลสาบสมดุลกัน จึงจะถือว่าฮวงจุ้ยดีและถูกต้อง

การวิเคราะห์บ้านริมทะเลสาบ จึงต้องดูปัจจัยในเรื่องนี้เป็นสําคัญ ถ้าใครกําลังเลือกซื้อบ้านริมทะเลสาบ ก็ควรจะเลือกโครงการที่หันหน้าไปที่ทะเลสาบจะดีกว่า กรณีที่มีที่ดินอยู่ติดกับทะเลสาบเลย และมีพื้นที่ดินมาก การสร้างบ้านควรสร้างในลักษณะที่ตัวบ้านหันหน้าไปทางด้านข้าง เพื่อให้ ทะเลสาบอยู่ด้านข้างของบ้าน แทนที่จะอยู่หลังบ้านแบบบ้านทั่วไป ก็จะแก้ฮวงจุ้ยที่เสีย ได้บ้านริมน้ำที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย

c. บ้านเรือนแพ

ที่ดินติดคลอง

บ้านริมน้ำอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งมักพบเห็นตามชนบทมากกว่าในเมือง ก็คือบ้านประเภทเรือนแพ หรือบ้านที่สร้างลงไปในน้ำ ก็จะเข้าข่ายเดียวกัน บ้านเรือนแพในทางฮวงจุ้ยระบุไว้ชัดว่า เป็นบ้านของคนที่เร่ร่อน หาเช้า กินค่ำ ไม่มีหลักแหล่งแน่นอน ลอยไปก็ลอยมา จึงหาความมั่นคงในชีวิตค่อนข้างยาก บ้านริมน้ำประเภทนี้จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นที่อยู่ถาวร ถ้ามีไว้เพื่อพักผ่อนชั่วครั้งชั่วคราวก็ถือว่าดี เช่น เวลาไปเที่ยวล่องแพสักคืนสองคืน ก็ถือเป็นการพักผ่อนที่ได้ประโยชน์ เพราะได้อยู่ใกล้น้ำที่ให้ความสดชื่นเย็นสบาย แต่ถ้าอยู่ทุกวันก็จะกลายเป็นผลเสีย น้ำมีความชื้นมาก จึงมีผลต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ การอยู่ใกล้น้ำมากเกินไป เวลาแสงแดดตกกระทบพื้นน้ำจะมีผลต่อสายตาอีกด้วย หลักในการวิเคราะห์บ้านริมน้ำ ปัจจัยที่สําคัญที่สุดก็คือการดูน้ำให้ออกว่า น้ำมีลักษณะดีหรือร้าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปทรงของน้ำ ขนาดของน้ำหรือคุณภาพของน้ำก็ตาม ฮวงจุ้ยจะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยตัวนี้

 

สรุปที่ดินริมน้ำตามหลักฮวงจุ้ย

การสร้างบ้านใกล้แม่น้ำมีมาตั้งแต่โบราณ นอกจากจะสามารถใช้ประโยชน์ได้มากมายแล้วยังส่งผลให้บ้านเย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าว ปัจจุบันบ้านใกล้แม่น้ำมีราคาค่อนข้างสูง แต่หลายคนก็มักเลือกสร้างบ้านใกล้แม่น้ำ แต่หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า ในตามหลักฮวงจุ้ยการสร้างบ้านใกล้น้ำ เป็นเรื่องไม่ดี เพราะส่งผลให้ครอบครัวหรือบ้านไม่มั่งคง

 

บ้านใกล้น้ำส่งผลอย่างไร ถูกหลักฮวงจุ้ยหรือไม่

บ้านใกล้แม่น้ำ ทราบกันดีอยู่แล้วว่าส่งผลดีและไม่ดี หากมีการสร้างบ้านติดน้ำจนเกินไป อาจทำให้บ้านทรุด เกิดรอยแตกร้าว รวมถึงปูนบ้านดูดซับความชื้น ส่งผลให้ผนังบ้านเกิดเชื้อรา ควรสร้างบ้านให้ห่างจากน้ำด้วยระยะประมาณ 3 เท่าของความสูงของบ้าน เพื่อไม่ให้โดนผลกระทบ

ปลูกบ้านใกล้แม่น้ำมากเกินไป ส่งผลให้บ้านเกิดการทรุดตัวของหน้าดิน เพราะน้ำมีการกัดเซาะตลิ่ง ทำลายรากฐานของบ้าน โดยตามหลักฮวงจุ้ยพื้นที่น้ำก็เปรียบเสมือนกับกระจกเงาบานใหญ่ ที่แสงสะท้อนจากน้ำจะมีความรุนแรงมาก หากท่านใดที่มีการสร้างบ้านใกล้น้ำ แล้วมีบริเวณพื้นที่เหลือรอบๆ สามารถปลูกต้นไม้ริมแม่น้ำเพื่อเป็นการปิดบังการสะท้อน

 

การเลือกตำแหน่ง และ ทิศทางการสร้างบ้านใกล้น้ำ

หากตำแหน่งเป็นทิศใต้ ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดี เพราะทิศใต้เป็นทิศทางลม ที่จะพัดพาน้ำ นั่นหมายถึงโชคลาภเข้าสู่บ้าน แต่ถ้าหลังบ้านเป็นน้ำอาจส่งผลเสียได้เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่แล้วบริเวณหลังบ้านจะเป็นห้องน้ำ ห้องครัว เรื่องของกลิ่นไม่พึ่งประสงค์อาจพัดเข้าสู่ตัวบ้าน สำหรับทิศใต้และทิศเหนือ ไม่มีปัญหาใดๆ และไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องการสะท้อนแสงจากน้ำ ดังนั้นไม่จำเป็นที่ต้องปลูกต้นไม้เพื่อปิดบังใดๆ

นอกจากทิศทาง ตำแหน่งการสร้างบ้านใกล้น้ำแล้ว เรื่องความสะอาดของน้ำก็เป็นสิ่งที่ดี ควรเป็นน้ำสะอาด และมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพราะน้ำที่นิ่งเกินไปอาจทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่าย ดังนั้นควรสังเกตุดูทิศทางของน้ำให้ดี

การสร้างบ้านใกล้น้ำ ส่งผลดีและไม่ดี หากสร้างบ้านที่อยู่ในตำแหน่งและที่ดินที่มีคุณภาพ รากฐานมั่งคง ก็ไม่ต้องพบกับปัญหาต่างๆ สำหรับบ้านที่มีทิศทางน้ำและบ้านไม่ถูกหลักฮวงจุ้ย สามารถแก้ไข ปรับให้ตรงกับฮวงจุ้ยได้ง่ายๆ เพียงเลือกปลูกต้นไม้ที่สามารถบดบังแสงสะท้อน ถึงแม้บ้านใกล้แม่น้ำจะเป็นบ้านที่ใครหลายคนชื่นชอบ หากส่งผลไม่ดีก็ควรหลีกเลี่ยง

 

ฮวงจุ้ยพลังน้ำ เรียกทรัพย์

ฮวงจุ้ยที่ดินสร้างบ้าน

ฮวงจุ้ยนั้นเป็นเรื่องการบริหารพลังธรรมชาติของลมและน้ำเป็นหลักโดยเคล็ดวิชาได้กล่าวว่าลมนั้นนำพาพลังส่วนน้ำสะสมพลัง น้ำที่เคลื่อนไหวก็นำพาพลังได้ เช่น การตั้งน้ำพุซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีการกระจายของพลังงานที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่น้ำที่เคลื่อนไหวแต่ยังทำให้อากาศหรือลมนั้นเคลื่อนไหวด้วย ขณะที่น้ำนั้นช่วยสะสมแล้วพาพลังที่ดีมาสู่บ้านหรืออาคารต่างๆ ได้นั้น น้ำก็นำพาพลังร้ายออกจากบ้านและอาคารต่างๆ นั้นได้อีกด้วย เช่น การระบายน้ำออกจากบ้านในทิศร้ายก็จะนำพาพลังร้ายนั้นออกไปด้วย

สิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้เด็ดขาดเกี่ยวกับบ้านที่ติดน้ำก็คือคุณภาพน้ำ น้ำที่ดีจะต้องสะอาดและมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา น้ำที่นิ่งเกินไป จะทำให้น้ำเน่าเสียได้ลองสังเกตดูว่าน้ำมีการไหลเวียนหรือไม่

1. น้ำจะต้องไหลเรื่อยๆ ช้าๆ ห้ามน้ำนิ่ง เพราะถือว่าน้ำตายจะนำผลเสียมาสู่บ้านได้ ถึงแม้แหล่งน้ำจะมีข้อดีมากมายแต่ก็มีข้อควรระวังคือ เช่น การตั้งตู้ปลาในทิศที่ดีแต่ไปขวางกระแสลมหากเป็นทิศร้าย การกระจายพลังของน้ำเคลื่อนไหวเหล่านี้ก็จะทำพลังร้ายนั้นกระจายเข้าสู่บ้านและอาคารต่างๆ ได้

2. ตำแหน่งของการจัดวางต้องถูกต้องเหมาะสม จึงจะมีคุณประโยชน์กับผู้อยู่อาศัย เช่น สระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับตัวบ้านมากๆ อยู่ในแนวแสงแดดสะท้อนส่องเข้าไปในตัวบ้านโดยเฉพาะทิศตะวันตกจะทำให้อุณหภูมิภายในบ้านสูงขึ้นและส่งผลเสียต่อสุขภาพสายตา

3. ต้องระวังไม่ให้เกิดการสะสมของความชื้นภายในบ้านมากเกินไป จะทำให้สมาชิกภายในบ้านเจ็บป่วยได้ การปลูกพุ่มไม้หรือแนวต้นไม้กั้นไว้เพื่อให้ใบไม้ช่วยกรองความชื้นก่อนที่ลมจะพัดเข้าบ้านก็จะช่วยลดความชื้นลงไปได้

กฎข้อห้ามอย่างหนึ่งในระบบฮวงจุ้ยดาว 9 ยุค

1. บ้านที่หันหน้าทิศใต้ไม่ควรมีพวกธาราภูมิทัศน์ สระน้ำ น้ำพุ น้ำตก บ่อเลี้ยงปลา บ่อน้ำ ตู้ปลาในตำแหน่งหน้าบ้าน เพราะจะนำมาซึ่งความเสียหายด้านทรัพย์สินเงินทอง

2. บ้านที่ติดน้ำจนเกินไปหรือหลังบ้านเป็นน้ำจะก่อผลเสียมากมายที่เห็นได้ชัด ก็คือ กระแสน้ำจะกัดเซาะตลิ่งเป็นการทำลายฐานบ้านทำให้ตัวบ้านอาจทรุดหรือพังลงมาได้ ยกเว้นว่าจะมีการทำเขื่อนซีเมนต์กั้นตลิ่งเอาไว้ ระยะห่างของน้ำกับบ้านจะอยู่ประมาณ 3 เท่าของความสูงของบ้าน เช่น บ้านสูง 5 เมตรบ้านก็ควรจะห่างจากน้ำ ประมาณ 15 เมตร ผลกระทบเรื่องนี้ก็จะไม่มี

 

สถาปนิกมืออาชีพออกแบบบ้านตามสไตล์คุณ วิศวกรเซ็นต์เพื่อยื่นขออนุญาต

กด >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน

 

 

ด้านหลังบ้านติดริมน้ำหรือทะเลสาบ ดีหรือไม่

ฮวงจุ้ยข้างหลังเป็นน้ำ

หลายๆคน อยากซื้อบ้านริมทะเลสาบแต่ไม่กล้าซื้อ เพราะเคยได้ยินซินแสหลายท่านพูดถึงหลักการของฮวงจุ้ยในอุดมคติที่ว่า “หน้าบ้านเป็นน้ำ ด้านหลังเป็นภูเขา แล้วจะร่ำรวย” และเนื่องจากด้านหลังบ้านส่วนใหญ่ในโครงการบ้านจัดสรรก็มักจะเป็นทะเลสาบ มีหลายคนเคยอยู่แล้วชะตาชีวิตไม่ดี จึงทำให้มีหลายคนไม่กล้าตัดสินใจซื้อ

ก่อนจะรู้หลักการเลือกบ้านริมทะเลสาบหรือบ้านริมน้ำใดๆ ท่านเคยตั้งข้อสังเกตบ้างไหมครับว่า ถ้าหากหน้าบ้านเป็นน้ำ ด้านหลังเป็นภูเขาแล้วจะรวย แล้วอย่างนั้นชาวประมง หรือชาวเขาชาวดอย ไม่รวยกันไปหมดทุกคนแล้วหรือ ซึ่งโดยหลักการแล้วคำโบราณว่าไว้ก็ไม่ผิด แต่ทว่าก็ไม่เป็นหลักตายตัวเสมอไป เพราะจะต้องมีหลายๆ เงื่อนไขประกอบด้วย

การที่หลังบ้านมีหลักว่าควรเป็นภูเขานั้น หมายถึงผู้สนับสนุน บารมีหรือบริวาร ตลอดจนลูกหลานมีอนาคตที่ดี การที่บ้านด้านหลังมีสภาพโล่ง ไม่มีพลัง ก็จะมีผลในทางตรงกันข้าม แต่หากรู้เคล็ดลับวิธีเลือกองศาและจัดบ้านได้ถูกต้อง กลับทำให้เจริญรุ่งเรืองได้มากๆ โดยที่คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเรารวยกว่าที่เขาคิด ขอแนะนำการซื้อบ้านริมน้ำ ซึ่งมีหลักการเลือกบ้านริมน้ำทั่วๆไป ดังต่อไปนี้

1. ดูว่าน้ำที่อยู่ใกล้บ้านของเรานั้นมีสภาพของน้ำที่เคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง

เพราะน้ำเป็นสิ่งที่ช่วยพาพลังงานมาเสริมคน น้ำที่ดีจะต้องมีสภาพที่เคลื่อนไหวคือไหลช้าๆ หรือมีการเคลื่อนตัวจะทำให้บ้านเราได้รับพลังโชค ที่แนะนำว่าการไหลช้าๆ ของน้ำนั้นดีเพราะพลังงานจะค่อยๆ มาสะสมตัวอย่างนุ่มนวล การที่น้ำเคลื่อนตัวเร็วเกินไปคุณก็จะต้องมีวิธีดักกระแสพลังให้ได้ถึงจะเป็นประโยชน์

ลักษณะของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นตัวอย่างที่ดีของน้ำที่ค่อยๆ ไหล ซึ่งจะต่างกับน้ำที่ไหลแรงอย่างแม่น้ำแยงซีเกียงในประเทศจีน ถ้าบ้านบางหลังมีบ่อน้ำหรือคลองที่น้ำนิ่งๆ อย่างนี้ไม่ดี เพราะพลังงานจะไม่เคลื่อนไหว

อีกประการหนึ่งคือลมที่พัดมาจะเข้าบ้านได้ยากเพราะลมจะหักเหลงบ่อหรือคลองน้ำ ทางแก้ง่ายๆ สามารถทำได้โดยติดตั้งน้ำพุที่น้ำนิ่งๆ ให้น้ำเคลื่อนไหวได้ ส่วนทะเลสาบถือว่าเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ น้ำก็จะไม่ขังหรือเน่าถือว่าเป็นแหล่งน้ำที่พลังมีสภาพดี

2. ทำเลที่ตั้งควรจะอยู่ในโค้ง

หากทำเลที่ตั้งของเรามีส่วนยื่นนูนออกไปในน้ำเล็กน้อยยิ่งดี ในทางฮวงจุ้ยถือว่าการอยู่ในโค้งน้ำจะได้พลังแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย เนื่องจากในโค้งจะมีแรงดึงเข้าสู่ศูนย์กลาง ทำให้มีตะกอนที่ดินเข้ามาสะสมเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี หรือที่เราเรียกว่าทิ่ดินงอกเพิ่ม

ในทางตรงกันข้าม ที่ดินที่อยู่นอกโค้งน้ำฝั่งตรงกันข้ามก็จะมีที่ดินถูกกัดเซาะหายไปทุกๆปีเช่นกัน หากจะหาทางป้องกันตลิ่งถูกกัดเซาะก็ควรจะโบกปูนหรือทำเขื่อนตลอดพื้นที่ริมน้ำตลอดแนวนอกโค้ง

3. ความสะอาดของน้ำ

แหล่งน้ำที่ดีควรสะอาดและใส ซึ่งเปรียบได้กับเงินทองรายได้ของเราที่ได้มานั้นอยู่ในฐานะที่ถูกต้องหรือไม่ บ่งบอกถึงสถานะและภาพพจน์ของเราเพื่อหาเงินทองในทางที่ดี มีคนยอมรับนับถือ ซึ่งถ้าน้ำสกปรก มีกลิ่นเหม็น มีสีดำ ก็เปรียบกับหลายๆ สถานที่ซึ่งมีการประกอบอาชีพที่มีรายได้อย่างไม่อยากจะเปิดเผยนัก เช่น ถ้าน้ำเน่าแต่เคลื่อนไหวได้ก็อาจจะขายของผิดกฎหมาย หรือ เป็นสถานบริการทางเพศได้อย่างรุ่งเรือง เป็นต้น

4. องศาทิศทาง

องศาทิศทางนี่ละ ที่เป็นตัวแยกความแตกต่างว่าทำไมบ้านบางคนถึงเป็นมหาเศรษฐี บ้านบางคนถึงเป็นยาจก บ้านบางหลังต้องการให้ลมเข้าด้านหลังถึงจะรวย องศาทิศทางที่ดีจะช่วยให้บ้านเรารับพลังที่ถูกกับยุคสมัยสามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองได้ถูกจังหวะ

การมีองศาทิศทางที่ไม่ดี เช่น ประตูเปิดรับพลังที่เสื่อมพ้นยุคไปแล้ว ก็จะทำให้เวลาไปหาลูกค้าก็จะได้ลูกค้าที่ขายได้ยาก ขายได้ก็เบี้ยวหนี้ หรือไม่ยอมจ่ายเงินง่ายๆ เป็นต้น

ตัวอย่าง บ้านริมทะเลสาบที่มีทะเลสาบอยู่ด้านหลังบ้านนั้นจะต้องมีองศาที่ดีด้านหลังบ้านด้วย ถึงจะเจริญรุ่งเรือง ซึ่งประตูที่จะรับพลังจากน้ำได้จะต้องเห็นน้ำไหลเข้า มิใช่เห็นแต่กระแสน้ำจากไป เพราะเปรียบพลังงานที่ไหลเข้าคือโอกาส หากไหลออกจากบ้านก็จะทำให้มีการลากพลังงานออกไปจากบ้านด้วย

ในลักษณะของบ้านริมทะเลสาบส่วนใหญ่แล้วจะสร้างวนรอบสระที่เป็นทรงกลมหรือวงรี โดยที่องศาของแต่ละบ้านจะต่างกันออกไป การเลือกองศาทิศทางที่ดีควรให้ซินแสผู้เชี่ยวชาญทำการเลือกให้ เพื่อไม่ให้ต้องมาเสียใจภายหลังเพราะบ้านเหล่านี้มักจะมีราคาสูง คนอยู่ก็ควรเจริญรุ่งเรืองหรือมีสุขภาพดีด้วย

5. สภาพที่โล่งของทะเลสาบ

เราถือว่าทะเลสาบคือแหล่งน้ำที่กว้างมาก มีลักษณะต่างจากคลองเล็กๆ และมักจะไม่มีสิ่งใดขวางทางกระแสลม เมื่อแหล่งน้ำที่กว้างๆ อยู่ใกล้กับประตูหน้าหรือประตูด้านหลังบ้าน เมื่อได้องศาที่ดีแล้วพลังงานที่เข้าบ้านก็จะมากด้วยเพราะการเป็นที่โล่ง ลมย่อมจะพัดเข้าตัวบ้านได้ดี อีกทั้งระหว่างที่ลมพัดเข้ามายังได้พัดเอาไอระเหยที่เย็นสดชื่นของน้ำเข้าสู่ตัวบ้านด้วย เรียกได้ว่า ได้ทั้งฮวงและจุ้ย พร้อมกันเลยทีเดียว ดังนั้นจึงถือว่าสภาพโล่งของทะเลสาบจัดเป็นองค์ประกอบที่ดีอย่างหนึ่งทางฮวงจุ้ย

6. ทิศการวางตัวของบ้าน

แสงดวงอาทิตย์ที่สะท้อนจากน้ำเข้ามาในบ้านแล้วมาเข้าตาเราบ่อยๆ ซึ่งถ้าเราโดนบ่อยๆ เข้าก็จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องสายตาขึ้น ซึ่งปัญหานี้มีคนที่อยู่บ้านริมทะเลสาบเคยเจอมาแล้ว ช่วงบ่ายๆ จะต้องปิดม่านฝั่งหน้าต่างที่อยู่ด้านทะเลสาบจนหมด เพราะแสงแดดจะเข้ามาในบ้านแรงมาก

สุดท้ายเลยอดมองวิวสวยๆ ของทะเลสาบที่เป็นจุดเด่นไปเลย สำหรับคนที่จะโดนปัญหานี้มักเกิดกับบ้านที่มีทะเลสาบอยู่ทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก เป็นทิศที่มีผลเรื่องแสงโดยตรง

วิธีไหนที่พอจะแก้ปัญหาได้

ยังมีวิธีแก้ไข นั่นก็คือถ้าใครยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ แนะนำให้เลือกบ้านที่ตำแหน่งทะเลสาบอยู่ทางทิศใต้หรือทิศเหนือแทนจะดีกว่า เพราะทั้งสองทิศนี้ไม่มีผลกระทบเรื่องแสงสะท้อนน้ำ และยังได้ประโยชน์จากทิศทางลมด้วย ช่วงหน้าร้อนลมจะพัดไอเย็นจากทะเลสาบเข้ามาบ้าน ทำให้บ้านเย็นสบายด้วย

แต่ถ้าบ้านไหนซื้อไปแล้วเรียบร้อยและกำลังเจอปัญหานี้อยู่ แนะนำให้ปลูกต้นไม้ใหญ่บังซะเลย อาจจะบดบังวิวไปบ้างแต่ก็ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้

 

ที่ดินแบบไหนที่ไม่ควรซื้อ

ที่ดินอัปมงคล

รู้หรือไม่ว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในอสังหาริมทรัพย์เกิดจากที่ดิน เป็นเพราะว่าที่ดินมีเงื่อนไขหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยเยอะมากมากกว่าบ้านหรือคอนโดอย่างบ้านหรือคอนโดซื้อมาก็พร้อมอยู่อาศัยมีน้ำไฟใช้ได้เลย แต่ที่ดินมีเงื่อนไขเยอะ เช่น เรื่องกฎหมาย , เรื่องของทางเข้าออก , เอกสารสิทธิ์ ซึ่งหลายๆคนก็ไม่ค่อยได้รู้เรื่องเกี่ยวกับที่ดินเท่าไร

หมวดที่1 เรื่องเอกสารสิทธิ์

เอกสารสิทธิ์มีอยู่หลายแบบเช่น สปก. , น.ส 3 , นส 3 ก และนส 4 โดยส่วนใหญ่การซื้อเอกสารสิทธิ์ที่เปลี่ยนแปลงจะมีผลไม่ดีตามมาเพราะฉะนั้นเอกสารสิทธิ์ที่แนะนำมี 2 แบบคือโฉนด นส 4 และน.ส 3 ก ถ้าเป็นโฉนด นส4 ก็คือสามารถซื้อได้เลยโดยที่บางครั้งคุณอาจจะไม่ต้องไปลงดูที่ดินด้วย ก็สามารถซื้อได้คุณสามารถมั่นใจได้ว่าได้ที่ดินแน่นอนแต่

ถ้าเป็นนส 3 ก คุณต้องไปตรวจสอบด้วยหลายคนเคยได้ยินว่านส 3 ก มันสามารถไปขอและแปลงเป็นโฉนดได้แต่มีข้อแม้ว่าถ้าพื้นที่นส 3 ก แปลงนั้นมันไปทับพื้นที่ป่า ที่ดินแปลงนั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นโฉนดหรือว่านส 4 ได้ และกฎหมายล่าสุดออกมาแล้วว่านส 3 ก แปลงที่ทับพื้นที่ป่าไม่สามารถเอาเข้าธนาคารได้ธนาคารไม่สามารถรับจำนองแปลงที่ติดเขตพื้นที่ป่าได้ดังนั้นถ้าคุณจะซื้อที่ดินแปลงแบบนี้คุณจะไม่สามารถกู้ได้เลย ทางที่ดีควรไปตรวจสอบก่อนว่าที่ดินแปลงนี้ของคุณไม่ทับพื้นที่ป่า

หมวดที่2 ที่ดินที่ลักษณะรูปร่างรูปทรงที่แปลกๆ

รูปทรงแปลกๆก็คือรูปทรงที่ไม่ใช่สี่เหลี่ยม จะเป็นรูปทรงแปลกๆทั้งนั้น อสังหาราคาขึ้นราคาลงจะอยู่ที่คุณประโยชน์ของอสังหาชิ้นนั้นๆ และที่ดินที่มีคุณประโยชน์สูงสุดหรือที่ดินที่ทำประโยชน์ได้สูงสุดคือที่ดินรูปทรงสี่เหลี่ยมจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็พอได้

หลายคนสงสัยว่าแล้วสี่เหลี่ยมคางหมูพอไปได้ไหมซึ่งสี่เหลี่ยมคางหมูก็จะมีหลายแบบ เช่น ถ้าคางหมูแบบหน้ากว้างจะดีกว่าหน้าแคบหน้าแคบคุณต้องดูว่ามันแคบมากแค่ไหนแคบแบบว่ามันทำทางเข้าออกแล้วตีวงได้ลำบากหรือไม่แต่ทางที่ดีที่สุดก็คือว่าสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะดีที่สุดหลายคนสงสัยว่าแล้วรูปทรงแบบอื่นพอเป็นไปได้ไหมอย่างเช่นสามเหลี่ยม, วงกลม ต้องบอกก่อนเลยว่าถ้าคุณเลี่ยงได้ก็อย่าเลยดีกว่าเพราะว่านอกจากที่จะใช้สอยลำบากแล้วยังจัดสรรแบ่งๆขายได้ยากอีกด้วย

หมวดที่3 ห้ามซื้อที่ดินอกแตก

คือที่ดินที่มีน้ำผ่านตรงกลางเรียกว่าที่ดินอกแตกตามตำราเขาไม่ให้ซื้อ ถ้าคุณเป็นคนนึงที่ไม่ได้ทำไร่ทำสวนการที่มีน้ำไหลจะเป็นที่ดินที่ไม่ดีมากๆ และที่ดินแบบนี้ถ้าคุณจะใช้ประโยชน์ใช้สอยควรจะต้องทำสะพานกั้น, ขนบกั้นคือต้องลงทุนสูงและหลายๆครั้งก็แก้ไม่จบด้วยนอกจากนั้นยังมีโอกาสที่เกิดน้ำกัดเซาะและดินทรุดตัวลงมันพังลงมาถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงไม่ซื้อที่ดินแบบนี้

หมวดที่4 สิ่งแวดล้อม

1. ห้ามติดกับคอสะพาน ที่ดินที่มีสะพานลงมาหน้าที่ดินพอดี

รู้หรือไม่ว่าที่ดินแบบนี้การทำทางเข้าไม่สามารถติดสะพานได้ต้องเว้นมาอีก ถ้าที่ดินหน้ากว้างไม่พอ โอกาสที่จะไม่มีทางเข้าก็เป็นไปได้ เพราะไม่สามารถทำทางเข้าได้ เพราะฉะนั้นติดคอสะพานต้องระวัง

2. ที่ดินใต้ทางด่วนหรือทางกลับรถที่เป็นแบบลอยฟ้า

อย่างแรกที่ดินแบบนี้ผิดหลักฮวงจุ้ยและการที่มีทางด่วนทางลอยมันบดบังที่ดินของคุณมันจะดูหมองและไม่เด่นและอีกอย่างการเดินทางเข้าออกมันค่อนข้างลำบากดังนั้นที่ดินแบบนี้จะราคาไม่ค่อยขึ้นถ้าคุณเลือกได้ไม่ควรซื้อ

3. ห้ามซื้อที่ดินทางสามแพร่งสามแยก ที่ดินสามแยกที่เป็นรูปตัวที ที่ดินที่ห้ามซื้อคือที่ตรงนี้

คือการที่คนขับรถจะหลับในหรือว่าเมาเป็นไปได้ถ้าคุณมีบ้านอยู่ตรงนั้นโอกาสที่รถจะเข้ามาพุ่งชนตอนกลางคืน มีโอกาสสูงมากและในมุมของ ฮวงจุ้ยการที่มีพลังเข้ามาในบ้านบ่อยๆ พุ่งเข้ามาตลอดเวลา ทำให้คนที่อยู่ในบ้านป่วยบ่อยด้วยและที่ดินที่อยู่ตรงทางสามแพร่งมีโอกาสที่จะโดนเวียนสูงขึ้นมากเพราะทางสามแยกโอกาสที่รัฐบาลหรือว่ากรมทางจะทำเป็นสี่แยกมีสูงถ้าเขาจะสร้างสี่แยกในที่ดินของคุณก็จะถูกเวียนคืนกลับไปด้วยแล้วส่วนใหญ่การเวียนคืนที่ดินจะเวียนคืนในราคาถูก

4. ที่ดินติดแยกสี่แยก

ที่ดินที่อยู่ตรงสี่แยก การทำทางเข้าต้องห่างจากสี่แยกเยอะมาก และบางธุรกิจไม่สามารถทำตรงสี่แยกได้อย่างเช่น ปั๊มน้ำมัน จะไม่ให้สร้างตรงสี่แยก และต่อให้ไม่ใช่สี่แยกก็ควรระวังเพราะทางแยกทุกอย่างต้องมีระยะร่น ไม่ให้สร้างทางเข้าใกล้แยกมาก ซึ่งต้องตรวจสอบดีๆแต่ถ้าเลือกได้ก็ควรเลือกทางที่ตรงๆดีกว่า

5. ห้ามซื้อที่ดินเป็นสระ บ่อ หลุมใหญ่ๆ

เพราะว่าค่าดินที่มาถมอาจจะมีราคาแพงกว่าที่ดินของคุณก็ได้ ต้นทุนที่มาปรับพื้นให้เรียบที่ให้ใช้งานได้ไม่ใช่ราคาถูกเลย ซึ่งหลายคนมองข้ามตรงนี้พอจะใช้พื้นที่จริงๆ พอเข้ามาถมพื้นที่กลับไปกลับมา กลายเป็นว่าพื้นที่ตรงนี้ดันราคาสูงกว่าที่อื่นไปแล้วเมื่อรวมกับการลงทุนถมที่

**นี่คือหลักการดูที่ดินอย่างง่ายถ้าคุณทำตามหลักการแบบนี้ได้ทุกข้อโอกาสที่จะติดมือ , ราคาตก, คนไม่ซื้อ, ก็ลดลงไปได้เยอะมากๆ**

 

ได้บ้านในฝันตามงบประมาณ ราคายุติธรรม ช่างผู้รับเหมาไม่ทิ้งงาน

กด >> รับสร้างบ้าน

 

 

ลักษณะรูปทรงที่ดินต้องห้าม

ที่ดินรูปสามเหลี่ยม

ซึ่งที่ดินรูปทรงนี้นอกจากจะไม่ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ทางด้านการของใช้สอยเองก็ไม่สะดวก เพราะจะทำให้วางโครงสร้างอาคารหรือการใช้งานต่างๆ มีปัญหาตามมาด้วย
ที่ดินรูปสามเหลี่ยม

ฮวงจุ้ยที่ดินที่เป็นรูปสามเหลี่ยม

แบบนี้ถูกจัดว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดีต่อเจ้าของ ด้วยลักษณะของธาตุประจำรูปร่างที่เป็นธาตุไฟ ทำให้ผู้ที่อาศัยบนพื้นที่รูปนี้มักจะอยู่ไม่เป็นสุข และมีเรื่องให้ร้อนอกร้อนใจ วิธีแก้ฮวงจุ้ยสำหรับพื้นที่นี้คือการทำสวนหรือปลูกต้นไม้บริเวณมุมทั้งหลายเพื่อปิดมุมพิฆาตให้มีลักษณะเหมือนสี่เหลี่ยมแทน โดยธาตุที่สัมพันธ์กับที่ดินนี้ คือ ธาตุไฟ

ลักษณะของที่ดินต้องห้าม

1. ที่ดินตาบอด

ความหมายของที่ดินตาบอดคือลักษณะที่ดินที่ถูกล้อมไว้ทุกด้าน ไม่มีทางออกที่สะดวก โดยในทางปฏิบัตินั้นก็จะหมายถึงความลำบากในการสัญจรเข้าออก และในทางความเชื่อเองก็หมายถึงการกักเก็บสิ่งที่ไม่ดีเอาไว้ในที่ดินผืนนั้นๆ ไม่มีเส้นทางให้สิ่งดีๆ ไหวเวียนเปลี่ยนเข้ามา โดยวิธีการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินเบื้องต้นได้โดยนำเลขที่โฉนดไปตรวจสอบกับกรมที่ดิน หากพบว่ามีเลขที่ดินล้อมอยู่อาจเป็นไปได้ว่าที่ดินไม่มีทางเข้า – ออก

2. เข้าออกลำบาก

มีลักษณะเป็นที่ดินที่ถูกล้อม ไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้ ที่ดินต้องห้ามลักษณะนี้อาจเกิดจากการแบ่งย่อยที่ดินแปลงใหญ่ให้เล็กลงเป็นหลายแปลง เช่น เป็นมรดกให้ลูกหลาน เป็นต้น ที่ดินลักษณะนี้ก่อเกิดปัญหาความวุ่นวายในการขอเส้นทางสัญจรเข้าออก ดังนั้นควรตรวจสอบตำแหน่งที่ดินเบื้องต้นได้โดยนำเลขที่โฉนดเข้าตรวจสอบที่กรมที่ดินเขตนั้น ๆ

หากพบว่ามีเลขที่ดินล้อมอยู่ทั้งรอบแปลงที่ดินเรา สันนิษฐานว่าอาจเป็นที่ดินไม่มีทางเข้า – ออก(ยกเว้นโฉนดที่ดินจัดสรร) ยื่นขอตรวจระวางใหญ่เพื่อดูแปลงที่ดินนั้นทั้งหมดต่อไป ทั้งนี้หากเป็นที่ดินตาบอด เจ้าของที่ดินแปลงนั้นก็มีสิทธิ์ฟ้องเจ้าของที่ดินแปลงที่ล้อมรอบได้ เพื่อขอเปิดทางไปสู่ทางสาธารณะ เรียกว่า “ทางจำเป็น” ตรวจสอบเบื้องต้นว่ามีการจดทะเบียนภาระจำยอมให้หรือไม่ การสัญจร “ทางจำเป็น” ต้องเกิดความเสียหายต่อที่ดินแปลงล้อมรอบให้น้อยที่สุดและต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าของที่ดินแปลงนั้นๆ ด้วย

3. ที่ดินพื้นนุ่ม ไม่แน่น

ในทางทฤษฎีนั้นที่ดินที่มีลักษณะหน้าดินนุ่ม ยวบ จะไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้เกิดการทรุดตัวของหน้าดิน ส่วนทางความเชื่อนั้นพื้นที่ที่ดินไม่มีความแน่นหนาหมายถึงจะทำอะไรก็มีแต่ล้มละลาย ธุรกิจอับเฉา อยู่อาศัยก็ไม่เจริญ ไม่มีความสุข

4. สถานที่เดิมและสิ่งแวดล้อมที่ดินไม่เหมาะสม

การตรวจสอบความเป็นมาของที่ดินแปลงนั้นก็สำคัญไม่น้อย อย่าลงทุนที่ดินต้องห้ามเพียงเพราะราคาประกาศขายถูกกว่าตลาด ลองสำรวจความเป็นมาที่ดินแปลงดูเสียก่อน อีกหนึ่งประเภทของที่ดินที่ไม่ควรลงทุนคือที่ดินที่เคยเป็นแหล่งสะสมพลังงานด้านลบๆ มาก่อน เช่น เป็นสุสานเก่า โรงพยาบาลเก่า โรงฆ่าสัตว์ เป็นต้น

สาเหตุไม่ควรลงทุน คือ ด้านจิตใจและตามความเชื่อแล้วพลังงานด้านร้ายๆ จะทำให้การอยู่อาศัย หรือ ลงทุนทำธุรกิจต่างๆ ไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งจะขึ้นอยู่ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล สำหรับทางวิทยาศาสตร์ เหตุผลจะเป็นเรื่องของดินที่กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคต่าง ๆ จากการกิจกรรมที่กระทำในอดีต จึงไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสถานที่ทางศาสนา อย่าง วัดวาอาราม โบสถ์ มัสยิด เป็นต้น

a. บ้านที่มีทำเลอยู่ติดกับโรงพยาบาล : ทำเลลักษณะนี้อยู่แล้วจะขาดความสุขกายสบายใจ เนื่องจากจะพบเห็นผู้ป่วยหรือคนเจ็บเข้าออกโรงพยาบาลอยู่ตลอดเวลา

b. ทำเลที่มีบ้านประกาศขายติดกันหลายหลัง : ถือเป็นตัวชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่าทำเลบริเวณนั้นไม่น่าอยู่ หรือมีปัญหาอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ เช่น เคยเกิดเหตุหรือสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน

c. บ้านที่อยู่ติดหรืออยู่ใกล้กับเพื่อนบ้านที่ไม่ควรอยู่ใกล้ เช่น ร้านขายโลงศพ ร้านซ่อมรถ ร้านขายสัตว์ปีก ร้านทำประตูเหล็กดัดและมุ้งลวด เพราะทำเลเหล่านี้มักมีปัญหาเรื่องมลภาวะด้านต่างๆตามมา

d. อยู่ติดกับโรงแรมม่านรูดและสถานอาบอบนวด : เชื่อกันว่าเป็นทำเลอโคจร ทำให้ผู้อยู่อาศัยขาดความสงบสุข

e. ทำเลอยู่ตรงข้ามกับวัดศาลเจ้าและสถานที่ไม่เป็นมงคล : ทำเลอสังหาฯ เหล่านี้ไม่เป็นที่นิยมเพราะเชื่อกันว่า การอยู่ใกล้วัดและศาลเจ้าทำมาค้าขายไม่รุ่งเรือง เนื่องจากวัดมีงานศพอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกับศาลเจ้าที่มักมีเสียงดังอึกทึก หรือทำเลที่อยู่ติดกับสถานที่ไม่เป็นมงคล เช่นป่าช้า หรือสุสาน ซึ่งมีปัญหาด้านวิวทิวทัศน์ ทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ น่ากลัว
หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ เช่น บ่อบำบัดน้ำเสีย โรงงานอุตสาหกรรม สถานที่ทิ้งขยะ

f. หลีกเลี่ยงที่ตั้งของสิ่งศักดิ์ เช่น ศาลพระภูมิ ตราครุฑ อนุสาวรีย์ สุสาน วัด เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสถานที่มีพลังวิญญาณสูงมาก จะส่งผลกระทบต่อพลังงานไหลเวียนในที่ดินของเรา
หลีกเลี่ยงต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ตายซาก ทางสามแพร่ง สิ่งเหล่านี้เป็นพลังงานด้านลบ จะส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าของมีแต่สิ่งอัปมงคล ทำอะไรก็ไม่รุ่งเรือง

g. หลีกเลี่ยงบ้านร้าง โรงพยาบาล เรือนจำ ที่ดินร้าง สถานที่เหล่านี้จะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หดหู่และรุนแรง จะทำให้ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้อยู่อาศัยเกิดความอึดอัด

5. ใกล้สิ่งรบกวนซึ่งก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียง

เช่น ทางขึ้นลงของเครื่องบิน หรือ ทางรถไฟ เพราะการศึกษาพบว่าเสียงดังมากๆ และดังเป็นประจำจะรบกวนความสามารถในการคิดของคนเรา และยังรบกวนการพักผ่อนนอนหลับซึ่งมีผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย

6. เสี่ยงต่อความปลอดภัย

ตำแหน่งที่ตั้งแปลงที่ดินส่งผลต่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัยและความมั่นคงในอนาคตได้ ต้องศึกษาตรวจสอบที่ดินว่าตั้งในบริเวณที่ก่อโอกาสเกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือความแข็งแรงของที่ดิน กลายเป็นที่ดินต้องห้ามหรือไม่ เช่น

a. ที่ดินบริเวณทางสามแพร่ง : โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งเข้าชนย่อมสูงกว่าตำแหน่งอื่น

b. ที่ดินบริเวณริมแม่น้ำฝั่งที่ถูกน้ำกัดเซาะ : ยิ่งนานวันยิ่งเสียขนาดที่ดินพังทลายไปเรื่อย

c. ที่ดินบริเวณเดิมเป็นบ่อเลี้ยงปลาเป็นบ่อน้ำ : หากถมดินไม่ดี โอกาสเกิดที่ดินจะทรุดตัวย่อมมากว่าตำแหน่งอื่น หากสร้างบ้านอยู่อาศัยก็มีโอกาสไม่ปลอดภัยในอนาคตได้

7. เอกสารกฎหมายที่ดินต่าง ๆ

เอกสารกฎหมายที่ดินต่าง ๆ ลักษณะที่ดินเพื่อการลงทุนควรมีเอกสารทางกฎหมายชัดเจน รายละเอียดประเภทสิทธิการถือครองต่าง ๆ ควรทำการศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อนว่าตอบสนองความต้องการลงทุนของเราหรือไม่

บางกรณีมีข้อจำกัดสิทธิ ถือครองได้แต่โอนต่อไม่ได้ หรือ เป็นที่ดินไม่มีโฉนด เช่น ที่ดินมือเปล่า ลักษณะเป็น ส.ป.ก. ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ เป็นที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ทำประโยชน์ จัดสรรให้แก่เกษตรกรได้เอาไปทำประโยชน์ประกอบอาชีพ จึงจะทำการแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นไม่ได้ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีประเภทที่ดินที่ไม่สามารถออกโฉนดได้ เช่น ที่ดินมีหลักฐานสิทธิทำกิน (สทก.) ลักษณะเป็นหนังสืออนุญาตให้ผู้ที่ได้เข้าไปบุกรุกทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นผู้มีสิทธิทำกินชั่วคราวในที่ดินเท่านั้น จึงไม่สามารถนำมาขอออกโฉนดที่ดินได้ เป็นต้น

 

ฮวงจุ้ยที่ดิน บ้านที่ไม่ดี อัปมงคล ชีวิตมีแต่อุปสรรค

ที่ดินแบบไหนไม่ควรซื้อ

ฮวงจุ้ยบ้าน ไม่ได้หมายความถึงเรื่องตำแหน่งและที่ตั้งของบ้านเท่านั้น แต่ยังหมายถึงรูปแบบการออกแบบและตกแต่งบ้านทั้งภายในและภายนอกอีกด้วย ทั้งนี้ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยอยู่เย็นเป็นสุข แต่ถ้าในบริเวณบ้านมีสิ่งที่ขัดต่อหลักฮวงจุ้ย ผู้อยู่อาศัยก็อาจจะมีปัญหาและเกิดความทุกข์ได้เช่นกัน ซึ่งส่งผลเสียกับทั้งสุขภาพ หน้าที่การงาน และการเงินของผู้อยู่อาศัย

1) มีกระแสลมแรงพัดผ่านตลอดเวลา เชื่อว่าจะพัดพาทรัพย์สินเงินทองไปหมด เก็บไม่อยู่ แต่ถ้าไม่มีลมพัดผ่านเลยก็จะไม่มีพลังดีๆเข้ามา ควรเลือกที่ที่มีอากาศถ่ายเท แต่ไม่ใช่ลมแรงตลอดเวลา

2) ที่มืดและเย็น แสดงว่ามีพลังหยินมากเกินไป ทำให้คนในบ้านเกิดโรคภัยไข้เจ็บ และยังเป็นที่อยู่ของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่ดี

3) ทางชันพุ่งเข้าหาประตู เหมือนสร้างบ้านบนปลายอาวุธ จะมีแต่อันตรายอยู่เสมอ

4) ถนนพุ่งเข้าบ้าน เป็นลักษณะของทางสามแพร่ง หรือทางผีผ่าน ยิ่งถนนยาว มีรถมาก ยิ่งอันตรายมาก

5) ใกล้ทางโค้ง คล้ายรูปเคียว โดยเฉพาะสะพาน หรือวงเวียน มองเห็นรถหรือสิ่งที่จะเข้ามาในบ้านได้ยาก เป็นจุดดักพลังงานไม่ดี และอาจมีอันตรายจากขโมย โจร

6) ขนาบด้วยตึกสูงทั้งซ้ายและขวา หรือ หน้าและหลัง เชื่อว่าเป็นลักษณะที่หนีบบ้านเหมือนโลงศพ จะทำกินไม่ขึ้น

7) มุมแหลมของบ้านด้านข้างพุ่งเข้าหาตัวบ้าน เป็นลักษณะของศรพิฆาต พลังของความมุ่งร้ายต่างๆ จะพุ่งเข้ามาที่บ้าน

8) ด้านหน้าบ้าน เป็นโรงพัก ศาลเจ้า เรือนจำ สถานดับเพลิง สถานที่เหล่านี้คือแหล่งรวมเรื่องทุกข์ร้อนและความเดือดเนื้อร้อนใจ ซึ่งจะส่งผลมาถึงคนในบ้านด้วย

9) ที่ดินปากทางน้ำ ถือว่าไม่เป็นมงคล เพราะน้ำไหลตลอดเวลา เก็บทรัพย์ไม่ได้ ทั้งยังเสี่ยงต่อการถูกกัดเซาะและน้ำท่วมอีกด้วย

10) มีต้นไม้ใหญ่ เสาไฟ หรือเสาหลัก ขวางตรงประตูหน้าบ้าน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งอัปมงคลที่ไม่ควรอยู่หน้าบ้าน

11) มีคลอง ร่องน้ำ ไหลผ่านตัวบ้าน จะทำให้ทรัพย์สินเสียหาย

12) มีแอ่งตรงกลางบ้าน หรือกลางตัวบ้านเป็นหลุมบ่อ กลางบ้านคือหัวใจของพลังงานในบ้าน หากยุบหรือเป็นหลุมลงไปย่อมไม่เป็นมงคล

13) มีต้นไม้อยู่กลางหน้าบ้านจะทำให้เงินทองไม่ไหลเข้าบ้าน การงานติดขัด

14) บ้านที่ปลูกอยู่บนเนินสูง เป็นลักษณะบ้านที่ปล่อยให้เงินทองรั่วไหล และยากที่จะรับกลับเข้ามาอีก

15) บ้านที่อยู่ใกล้วัด สุสาน ป่าช้า หรือเมรุเผาศพ จะได้รับพลังความตายเข้าสู่บ้าน จะทำให้คนในบ้านเจ็บป่วย อ่อนแอ ล้มตายได้ง่าย และเป็นฮวงจุ้ยแย่ๆที่ยากที่จะแก้ไข

16) บ้านที่มีถนนขนาบทั้งสองข้างส่งผลให้การทำกินถดถอย ล่มจม โดยเฉพาะถ้าเป็นการขนาบด้านประตูผี คือทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือตะวันออกเฉียงเหนือ คนในบ้านจะได้รับหายนะร้ายแรง ถึงขั้นฟั่นเฟือน เป็นบ้า

17) อยู่ตรงข้ามกับตึกที่สูงใหญ่กว่า หากบ้านเรา หันหน้า เข้ากับตึกอาคารฝั่งตรงข้าม ที่มีขนาดสูงใหญ่กว่า ถือว่าไม่ดี เพราะจะโดนข่ม ทำให้เกิดอุปสรรค เจริญรุ่งเรืองยาก

18) มีถนน ซอย พุ่งเข้าสู่ตัวบ้านพอดี ถือเป็นทำเลที่ไม่ดี เพราะจะได้รับพลังงานไม่ดีอย่างเต็มที่

19) บ้านหัวมุมถนน บ้านหัวมุมถนน ที่มีรถแล่นผ่านถือว่าเป็นเรื่องดี จะได้รับพลังงานดีๆ แต่หากเป็นทำเลที่รถวิ่งในทิศทางเข้าหาตัวบ้าน หรือแสงไฟส่องเข้าตัวบ้าน ถือว่าเป็นทำเลที่ไม่ดีอย่างยิ่ง

20) อยู่ตรงข้ามกับบ้านที่ตั้งตระหง่าน หากบ้านของคุณอยู่ตรงข้ามกับอีกบ้านที่ตั้งตระหง่าน หรือปลูกสร้างบนที่สูงกว่า ค้ำศีรษะบ้านคุณ เป็นสิ่งไม่ดี จะทำให้เกิดอุปสรรค เจริญรุ่งเรืองช้า

 

การปรับแก้พื้นที่เสีย ให้เป็นมงคล

วิธีแก้ฮวงจุ้ยที่ดิน

หากจะพูดถึงพื้นที่เสีย หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างพื้นที่เสียจะส่งผลไม่ดีต่อผู้อยู่อาศัยมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป สร้างความวิตกกังวลแก่เจ้าของพื้นที่หรือผู้ที่ต้องอาศัยในบริเวณดังกล่าวอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว พื้นที่เสียต่างๆ สามารถแก้ไขผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ แต่ก่อนจะไปดูว่าวิธีแก้ไขทำอย่างไรนั้น เรามาดูกันก่อนว่า คำว่า “พื้นที่ดีและพื้นที่เสีย” นั้นมีลักษณะอย่างไร

ลักษณะพื้นที่ที่ดี

ลักษณะพื้นที่ที่ดี ส่งผลดีต่อผู้อยู่อาศัย ควรเป็นพื้นที่ลาดเนินสูงกว่าถนนโดยประมาณ 1 ฟุต – 1 ฟุตครึ่ง รูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม เช่น สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมคางหมูหน้าแคบหลังกว้าง เป็นต้น

ลักษณะพื้นที่ที่เสียหรือไม่ดี

ลักษณะพื้นที่ที่ไม่ดี ส่งผลเสียต่อผู้อยู่อาศัย เช่น พื้นที่รูปสามเหลี่ยมต่างๆ พื้นที่ไม่ได้รูปทรง เว้าๆ แหว่งๆ เป็นต้น

การปรับแก้ไข

1. หากแนวรอบรั้วเป็นกำแพงอยู่แล้ว

เราสามารถปรับพื้นที่ภายในได้ด้วยการตัดพื้นที่ที่ดิน แต่ไม่ได้ตัดพื้นที่ไปขายนะ เพียงแค่ให้ทำแนวต้นไม้ในพื้นที่ภายในให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ลงดินหรือใช้กระถางต้นไม้มาวางเป็นแนวสี่เหลี่ยมขนานกับตัวบ้าน ต้นไม้ที่นำมาปลูกควรเป็นไม้พุ่มเตี้ยๆ สูงประมาณเอวของเรา เพื่อให้พลังชี่ที่ดีไหลเวียนเข้าสู่บ้านของเราได้สะดวก

2.หากพื้นที่หน้าบ้านของเราแคบไม่สมดุลกับตัวบ้านหรือทางเข้าบ้านแคบทำให้อับโชค
ควรติดตั้งแนวหลอดไฟแสงสว่าง เพื่อช่วยเสริมโอกาสและความโชคดีแก่ผู้อยู่อาศัย และเมื่อติดแล้วก็ต้องเปิดไฟด้วยนะ

3.ส่วนใดที่ขาดแหว่งไปหรือแคบ เราสามารถใช้กระจกเงาในการปรับแก้ไขขยายพื้นที่ได้
แต่ก็มีเงื่อนไขเล็กน้อย โดยทิศที่สามารถติดกระจกเงาได้ คือ ทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศเหนือ นอกเหนือจากนี้ไม่ควรติด

4.อีกสิ่งที่สำคัญ คือ ความสะอาดของพื้นที่

บ้านหรือสถานที่ทำงานของเรา ไม่ว่าจะเป็นลานหน้าบ้านหรือบริเวณรอบบ้าน ควรจัดให้สะอาดและสว่าง มีอากาศถ่ายเท เกิดสมดุล ดูสดชื่น เกิดพลังในด้านบวก ซึ่งจะส่งผลดีต่อตัวคุณและสมาชิกในครอบครัวทุกคน ส่วนสิ่งปฏิกูลหรือขยะต่างๆ ควรจัดเก็บนำไปทิ้ง ไม่ควรสะสมไว้ เพราะมีผลเสียต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว เป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ เป็นเหตุให้เสียเงินทองและสุขภาพ

การปรับแก้ไขด้วยวิธีการเหล่านี้สามารถนำไปทำได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่นะ

 

ลักษณะที่ดิน 10 แบบ ของ ฮวงจุ้ยที่ดิน

จะว่าไปแล้ว การจะก่อสร้างบ้าน หรืออาคารอะไรขึ้นมาสักหลังนึงนั้น ลักษณะที่ดินหรือพื้นที่ นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญทีเดียวลักษณะที่ดินนั้นมีมากมายหลายแบบ และแต่ละแบบก็มีความหมายตามหลักฮวงจุ้ยแตกต่างกันออกไป ซึ่งเราต้องนึกถึงเรื่องของความสมดุลเอาไว้ก่อน หากที่ดินนั้นมีความสมดุลแล้วก็ถือว่าเป็นที่ดินที่ดี ถูกหลักฮวงจุ้ยที่ดี

มีเกล็ดความรู้เพิ่มเติมเล็กน้อยว่าในเมืองจีนสมัยก่อน ชาวจีนนั้นจะเสียภาษีที่ดิน โดยจะวัดเฉพาะความยาวของพื้นที่ด้านหน้าของถนนเป็นหลัก ดังนั้นชาวจีนโดยทั่วไปจึงมักนิยมเลือกซื้อที่ดินที่มีด้านหน้าแคบ ด้านหลังกว้าง ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้เต็มที่ แต่เสียภาษีน้อย ต่อมาก็ค้าขายได้กำไรดี มีความเจริญรุ่งเรืองในการค้า จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้ที่มีพื้นที่ด้านหน้าแคบนั้น สามารถเจริญก้าวหน้าได้ดี กว่าผู้ที่มีพื้นที่ด้านหน้ากว้าง แต่ด้านหลังแคบ ทำให้ต่อมากลายเป็นที่นิยมกันว่า หากจะเลือกซื้อที่ดิน ก็ขอให้เลือกด้านหน้าแคบแต่ด้านหลังกว้างไว้ก่อน

ลักษณะที่ดินรูปทรงต่างๆ ตามศาสตร์ของ ฮวงจุ้ยที่ดิน จะมีความเชื่อดังนี้

1. ที่ดินที่มีทรงปากกว้างก้นแคบ ที่ดินทรงนี้ผู้ครอบครองอยู่อาศัยจะมีหนี้สินมากมาย เก็บเงินไม่อยู่

2. ที่ดินที่มีทรงปากแคบก้นกว้าง การเงินจะดี มีความเจริญรุ่งเรือง

3. ที่ดินทรงเส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นที่ดินที่เล็กแล้วก็แคบ เปรียบเสมือนใบมีด ทำให้มีอันตราย

4. ที่ดินทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน มักมีปัญหาในทิศทางที่ขาดหาย

5. ที่ดินทรงตัวแอล จะมีปัญหาตามทิศทางของพื้นที่ เจ้าของที่ดินมักประสบปัญหาอยู่บ่อยๆ ทำอะไรก็มักไม่ประสบผลสำเร็จ

6. ที่ดินทรงตัวที จะมีแต่ปัญหาและเรื่องหนักใจ

7. ที่ดินทรงตัวยู ตรงกลางเต็ม จัดเป็นที่ดินที่มีลักษณะปานกลาง

8. ที่ดินทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่ดินทรงนี้จัดว่าดี

9. ที่ดินทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นอีกลักษณะหนึ่งของที่ดินที่จัดว่าดี

10. ที่ดินทรงสามเหลี่ยม ไม่เหมาะสำหรับปลูกบ้าน ควรทำเป็นที่สาธารณะจะดีกว่า

 

บริการเสริม บริษัทรับเหมาก่อสร้าง TAMPBUILDER

บริษัทรับเหมาก่อสร้างของเราทำแบบครบวงจร ONE STOP SERVICE

  1. บริการรับสร้างบ้านหรู (สนใจ กด >> รับสร้างบ้านหรู luxury โมเดิร์น)
  2. บริการรับออกแบบบ้าน เขียนแบบบ้านยื่นขออนุญาต (สนใจ กด >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน)
  3. บริการหาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา (สนใจ กด >> หาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา)
  4. บริการรับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา (สนใจ กด >> รับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา)

 

 

รูปทรง ทิศทาง และขนาดบ้าน ที่ต้องรู้

ที่ดินติดภูเขา

รูปทรงบ้านที่ดูทันสมัย นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการดึงดูดให้ผู้คนจับจองเป็นเจ้าของ แม้ในการออกแบบสร้างบ้านด้วยตัวเอง ผู้เป็นเจ้าของก็มักไม่ละเลยถึงความสวยและความล้ำสมัยของรูปทรงบ้านเช่นกัน ซึ่งในทางฮวงจุ้ย รูปทรงของบ้าน ที่ดิน หรือขนาดของบ้าน ล้วนมีผลไม่น้อยต่อสมาชิกภายในบ้านทั้งด้านดีและร้าย ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น สามารถติดตามได้เลย

1. รูปทรงบ้านสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า

บ้านที่มีแปลนบ้านรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า ถือว่าถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย เนื่องจากมีพื้นที่ให้กระแสอากาศไหลเวียนได้ทั่วทุกทิศส่งผลดีในทางโชคลาภ สุขภาพ ชื่อเสียง เงินทอง ส่วนบ้านหรือที่ดินที่มีรูปทรงตัวแอล ทรงมีดอีโต้ หรือมีส่วนที่เว้าแหว่ง ถือว่าผิดหลักฮวงจุ้ย อาจส่งผลให้เกิดความสูญเสียแก่สมาชิกในบ้านได้

2. หน้าบ้านแคบ หลังบ้านกว้าง ดีต่อเงินทอง

บ้านที่มีบริเวณหน้าบ้านแคบ หลังบ้านกว้าง ถือเป็นพื้นที่ที่ดี เพราะมีลักษณะคล้ายถุง ทำให้เก็บทรัพย์สินเงินทองได้มาก แต่บ้านที่มีหน้าบ้านกว้าง หลังบ้านแคบ ถือว่าไม่ดี

3. บ้านที่มีความกว้างมากกว่าความลึก ถูกหลักฮวงจุ้ย

ถ้าบ้านที่มีหน้ากว้าง กว้างมากกว่าความลึกถือว่าดี แต่บ้านที่มีหน้าบ้านแคบและตัวบ้านลึก มองดูมีลักษณะเหมือนซอย เช่นนี้ถือว่าเป็นอัปมงคลต่อผู้อยู่อาศัย

4. ขนาดของบ้านกับคนในบ้าน

ขนาดของบ้านต้องสัมพันธ์กับคนในบ้าน ถ้าสมาชิกในบ้านมีจำนวนน้อย ควรอยู่ในบ้านหลังขนาดพอเหมาะ แต่ถ้าสมาชิกมีจำนวนมาก ควรอยู่ในบ้านที่มีขนาดใหญ่ หากมีคนน้อยแล้วเลือกอยู่บ้านที่มีขนาดใหญ่ถือว่าเป็นสิ่งไม่ดี ลองคิดเล่นๆ ว่าเพียงแค่การทำความสะอาดก็ลำบากแล้ว

ข้อควรระวังอื่นๆ

1. ข้างบ้านมีตึกสูงขนาบข้าง เป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดี

2. ถนนหรือสะพานที่พุ่งเข้าสู่ตัวบ้าน เป็นความอัปมงคลอย่างยิ่ง ยิ่งถนนสายยาว พลังปะทะยิ่งรุนแรง คนในบ้านอาจเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะหรือมีปัญหาต่างๆ ตามมา

3. ทางสามแพร่งและทางโค้ง พึงหลีกเลี่ยง แต่โบราณ ทั้งทางสามแพร่งและทางโค้ง ไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์ควรจะไปปลูกสิ่งปลูกสร้างสำหรับอยู่อาศัย เพราะเชื่อกันว่าบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่อยู่ของวิญญาณ

4. ฝั่งตรงข้ามบ้านมีช่องลมพิฆาต (ซึ่งหมายถึงช่องแคบๆ ที่อยู่ระหว่างตึกสูงสองตึก) ส่องปะทะ ส่งผลเสียต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในบ้านนั้นอย่างร้ายแรง

5. บริเวณหน้าบ้าน ห้ามมีเสาไฟ หม้อแปลงไฟฟ้า หรือศาลเจ้า แต่การปลูกต้นไม้ไว้ริมรั้วบ้านถือเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง

6. ภายในบ้าน อย่าเล่นระดับสูงต่ำ ถือว่าไม่ดี บางคนอาจคิดว่าสร้างสรรค์แปลกใหม่ แต่แท้จริงจะส่งผลเสียต่อคนในบ้าน

 

เคล็ดลับการเลือกที่ดินมงคล

การที่เราจะได้ครอบครองที่ดินสักผืนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยสักเท่าไหร่ในชีวิต หากเรามีโอกาสซื้อที่ดินสักผืนหนึ่งเราควรรู้ถึงความหมายและลักษณะที่ดินที่เป็นมงคลและที่ดินต้องห้ามในเบื้องต้นเสียก่อน เพื่อย่างน้อยการที่เราสละทรัพย์ที่หามาด้วยความเพียรจะได้คุ้มค่ากับที่จะนำไปแปรเปลี่ยนเป็นความมั่นคงในชีวิต

ตามหลักวิชาฮวงจุ้ยนั้น การเลือกที่ดินหรือทำเลที่ดีมีส่วนส่งเสริมความเป็นมงคลให้กับผู้ถือครองมาก หากเราเลือกที่ดินที่มีพลังไม่ดีย่อมส่งผลให้กับชีวิตของผู้ถือครองได้ด้วยเช่นกัน

เมื่อใดที่ชีวิตเรามีโอกาสได้เลือกซื้อที่ดินเพื่อครอบครองเป็นเจ้าของเราต้องทราบถึงที่มาที่ไปของที่ดินผืนนั้นเสียก่อนว่าแต่ดั้งเดิมที่ดินแปลงนั้นใช้ทำประโยชน์อะไรมา เช่น เคยเป็นท้องนา เคยเป็นสวน เป็นโรงงาน ฯลฯ เพราะเมื่อที่ดินเคยใช้ประโยชน์อะไรมาก็จะสั่งสมและกักเก็บพลังเหล่านั้นไว้ในที่ดินแปลงนั้นๆ

เมื่อพลังของที่ดินที่ผ่านการใช้งานจะถูกสะสมไว้ในที่ดิน เมื่อมีการเปลี่ยนมือในการครอบครองพลังเหล่านั้นไม่ได้หายไปไหน ทางการซื้อขายเปลี่ยนมือถือว่าเปลี่ยนเจ้าของ ทางด้านพลังงานก็ถือเป็นการเปลี่ยนถ่ายผลกระทบของพลังงานจากคนเก่าสู่คนใหม่
ลักษณะของที่ดินที่ดีนั้น

1. ที่ดินที่ดีต้องเป็นที่ดินที่ผู้ที่เคยครอบครองใช้ประโยชน์มาแล้วชีวิตดีขึ้น เช่น ใช้ทำธุรกิจแล้วเจริญรุ่งเรืองขึ้นแล้วอยากขยายธุรกิจเลยต้องการขายที่เก่าไปซื้อที่ใหม่

2. ที่ดินต้องอยู่ในทำเลที่ดีติดถนนและอยู่ในฝั่งที่มีพลังมงคลไหลเวียน ไม่ใช่อยู่ติดถนนใหญ่แต่อยู่ในฝั่งที่พลังไม่หมุนเวียนต่อให้ครอบครองก็ไม่ส่งผลดีเท่าฝั่งที่มีพลังหมุนเวียนดี

3. ที่ดินที่ดีต้องมีการเดินทางสะดวก เข้าออกได้แบบหมุนเวียน ที่ดินที่เข้าออกได้หลายทางมากเกินไปกลับกลายเป็นที่ดินที่มีพลังรั่วไหลได้ง่าย

4. ที่ดินที่ดีด้านหลังของที่ดินความไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่ควรเป็นถนนหรือแม่น้ำลำคลอง หากมีถนนก็ไม่ควรเป็นถนนที่ติดกับกำแพงรั้วบ้าน หากเป็นคลองก็ควรอยู่ใกล้บ้านไม่ควรติดกับรั้วหรือเขตบ้าน

5. ที่ดินที่ดีต้องมีรูปทรงที่ดูเต็มไม่ขาดเว้าแห่วงหรือเป็นรูปทรง 3 เหลี่ยม โดยเฉพาะรูปทรง 3 เหลี่ยมชายธง เพราะจะส่งผลไม่ดีให้กับผู้ครอบครอง เช่น เจ็บป่วย ธุรกิจประสบปัญหา เป็นต้น

6. ที่ดินที่ดีต้องไม่เคยผ่านการใช้งานหรือทำธุรกิจที่เกี่ยวกับความเจ็บป่วยหรือการทำร้ายชีวิต เช่น โรงพยาบาล โรงฆ่าสัตว์ เพราะพลังของธุรกิจยังคงถูกสะสมอยู่ในที่ดิน

7. ที่ดินที่ดีต้องไม่ชื้นแฉะมาก มีการระบายความชื้นได้ดี แสงแดดส่องถึง ไม่อยู่ใกล้แหล่งน้ำที่ไม่หมุนเวียน

8. ที่ดินที่ดีต้องไม่ควรเป็นที่ดินสุดซอยหรือเป็นทางตัน หากจำเป็นต้องครอบครอง ควรจัดวางวิถีพลังให้เกิดการหมุนเวียนเพื่อสร้างพลังมงคลให้เกิดขึ้นในพื้นที่

9. ที่ดินที่ดีต้องไม่ควรมีผู้เสียชีวิตภายในที่ดินแปลงนั้น หากมีคนเสียชีวิตในที่ดินแปลงนั้นควรทำพิธีทางศาสนาเพื่อปลดปล่อยพลังวิญญาณให้ไปสู่ภพที่ดี

10. ที่ดินที่ดีต้องไม่เคยถูกใช้เป็นทางเดินผ่านของผู้คนในพื้นที่ เพราะที่ดินบางแปลงเมื่อถูกใช้เป็นทางเดินผ่านจนเป็นร่องทางเดินผ่านกลางที่ดินแปลงนั้น จะเปรียบเสมือนที่ดินนั้นเป็นทางสาธารณะ มีความเชื่อว่าเมื่อคนเดินผ่านได้วิญญาณก็เดินผ่านได้เช่นกัน

11. ที่ดินที่ดีเจ้าของต้องเต็มใจสละออกเพื่อเปลี่ยนเจ้าของ ที่ดินบางแปลงบรรพบุรุษตั้งสัจจะเอาไว้ว่าไม่ให้เปลี่ยนมือให้กับผู้อื่นที่ไม่ใช่คนในตระกูล หากเราได้ไปครอบครองก็อาจเกิดความวุ่นวายได้ง่าย

 

ฮวงจุ้ยที่ดินมงคลเพื่อการทำธุรกิจการค้าขายให้ร่ำรวย

ลักษณะที่ดินถุงเงิน

อยากขยายกิจการ อยากได้ที่ดินเป็นของตัวเองจะเลือกแบบไหนและเลือกอย่างไรถึงจะดีและเหมาะกับเรารึเปล่า? คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นตลอด เวลาสำหรับผู้ที่มองหาที่ดินสำหรับการลงทุน หรือขยายกิจการ วันนี้จะมาตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อให้คุณสามารถหาดูที่ดินที่ดีและเลือกได้ด้วยตัวเอง โดยพิจารณาองค์ประกอบหลัก 5 ประการ

1. มองหาทำเลท้องมังกร

ในอดีตชาวจีนจะดูแนวเทือกเขาเป็นหลัก จากแนวเขาที่สูงที่สุดเป็นตำแหน่งของหัวมังกรไปจนต่ำสุดถือว่าเป็นหางมังกร ส่วนตรงกลางระหว่างหัวกับหางนั้นเราถือว่าเป็นตำแหน่งท้องมังกรที่มีความอุดมสมบรูณ์ที่สุด ถ้าเปรียบกับคนท้องมังกรก็เหมือนส่วนท้องเป็นตำแหน่งที่รวบรวมอวัยวะสำคัญของร่างกายเรานั่นเอง

ขอยกตัวอย่างท้องมังกรที่เห็นเด่นชัดที่สุดนั้นก็คือจังหวัดเชียงใหม่ แนวเขาดอยสุเทพที่ ทอดยาวจากทิศเหนือลดหลั่นลงไปทางทิศใต้ ส่วนตรงกลาง(ท้องมังกร) ก็คือส่วนของดอยสุเทพปุย ถ้าลากเส้นลงมาก็จะเป็นตำแหน่งกลางเมืองเชียงใหม่พอดี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีและเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด

อาจมีคำถามว่า ถ้าพื้นที่ไม่มีแนวเขาจะพิจารณาจากอะไร? คำตอบคือให้ดูศูนย์กลางของความเจริญของเมืองนั้นเป็นหลักว่าอยู่บริเวณไหน บริเวณนั้นถือว่าเป็นท้องมังกร

ท้องมังกรนั้นมีข้อดีคือเติบโตง่าย เจริญรุ่งเรืองเร็ว แต่ข้อเสียก็คือราคาแพง ค่อนข้างหายาก เพราะมีแต่คนอยากได้ ขยายตัวลำบากในอนาคต การเลือกทำเลท้องมังกรนั้นจึงต้องพิจารณาว่าเหมาะสมกับธุรกิจที่เรากำลังจะลงทุนหรือเปล่า เช่น ถ้าทำโรงแรมแบบ Hostel ร้านอาหาร ก็น่าจะเหมาะสมอยู่ แต่ถ้าจะทำโกดังให้เช่าหรือโรงงานก็คงไม่ค่อยเข้าท่านะ

2. มองหาทำเลหางมังกร

อีกหนึ่งทางเลือกตามหลักวิชาฮวงจุ้ย บริเวณที่เป็นหางมังกรซึ่งเป็นแนวของเทือกเขาที่ทอดตัวต่ำที่สุดหรือเขตบริเวณชานเมือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลตัวเมืองมากนัก ตำแหน่งนี้อีกไม่นานความเจริญจะคืบคลานมาอย่างแน่นอน และเมื่อความเจริญเข้ามาแล้วจะอยู่นานกว่าท้องมังกรอีกด้วย ก็คือ “พลังงานชี่ที่ดีจะไหลจากที่สูงลงมาพักตัวที่ท้องมังกร และจะไหลไปสิ้นสุดอยู่ที่หางมังกรเป็นระยะ เวลาอันยาวนาน”

ทำเลหางมังกรมีข้อดี คือ ราคาไม่แพง หาได้ง่ายเพราะไม่ค่อยมีคนสนใจ ส่วนข้อเสีย เป็นทำเลที่ยังไม่เจริญมากนัก การเดินทางไม่ค่อยสะดวก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของธุรกิจ ถ้าธุรกิจของคุณต้องการการเติบโตรวดเร็วทำเลหางมังกรอาจจะไม่เหมาะกับธุรกิจของคุณก็ได้นะ

3. สภาพแวดล้อมที่ควรหลีกเลี่ยง

สิ่งนี้ตามหลักฮวงจุ้ยเรียกว่า “สั่วะ” แปลว่า อุปสรรค ในความเป็นจริงมีเยอะมาก แต่จะขอกล่าวถึงอุปสรรคหลักๆที่ควรหลีกเลี่ยงนั่นก็คือ ที่ดินมีร่องน้ำผ่ากลางไม่ว่าจะเป็นแนวตรงหรือแนวนอน ตามตำราเรียกว่าที่ดินอกแตก, ร่องน้ำหรือลำเหมืองล้อมรอบที่ดินทั้งสี่ด้าน (แต่ถ้ามีเฉพาะด้านหน้าหรือด้านหลังเท่านั้นถือว่าดี), ที่ดินติดถนนโดยล้อมรอบทั้งสี่ทิศ, ที่ดินอยู่ตำแหน่งหัวโค้ง, ที่ดินที่อยู่ติดกับหนองน้ำที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าที่ดิน, ที่ดินที่ติดกับสุสานหรือเมรุ, ใกล้ เสาไฟฟ้าแรงสูง, ใกล้ที่ทิ้งขยะหรือที่กำจัดขยะ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรจะหลีกเลี่ยงในการหาซื้อที่ดินมาลงทุน

4. เลือกกระแสให้สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการ

เมื่อสามารถตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกทำเลท้องมังกรหรือหางมังกรและหลีกเลี่ยงอุปสรรคอย่างไรแล้ว จากนั้นก็มาพิจารณาเรื่องของกระแสว่าสอดคล้องกับธุรกิจของเราหรือไม่ พูดง่ายๆก็คือให้พิจารณาว่าลูกค้าที่เราต้องการนั้นส่วนใหญ่มาจากฝั่งไหนเป็นหลัก ในที่นี้จะพูดถึงฝั่งขาเข้าหรือขาออกของเมือง

ถ้าลูกค้าส่วนใหญ่มาจากฝั่งเข้าเมืองก็ให้พิจารณาเลือกที่ดินที่อยู่ ฝั่งขาเข้าเมืองเท่านั้นไม่ควรเลือกที่ดินฝั่งขาออกไม่ว่าที่ดินนั้นจะน่าสนใจหรือสวยงามมากแค่ไหน ต้องรู้จริงว่าลูกค้าของเราคือกลุ่มไหน เพราะเมืองแต่ละเมืองก็มีความเจริญรุ่งเรืองและวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการเปิดร้านอาหารในบรรยากาศสบายๆนั่งชิวได้ ควรหาที่ดินที่อยู่แถวบริเวณชานเมืองและอยู่ฝั่งขาออกของเมือง เพราะคนไทยส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเย็นและต้องการร้านที่มีบรรยากาศดีๆ หลีกหนีความวุ่นวาย เดินทางสะดวก ดังนั้นทำเลนี้น่าจะ เหมาะสมที่สุดตามหลักของวิชาฮวงจุ้ยที่ว่า “การวางไซดักปลานั้นควรจะพิจารณากระแสน้ำว่ามาจากทางไหนเป็นสำคัญ ทำเช่นนี้แล้วเราจะได้ปลาตามที่เราต้องการ”

5. จินตนาการความเป็นไปได้

ขั้นตอนนี้เราต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ในอนาคตของที่ดินบริเวณนั้นว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่เราต้องการหรือเปล่า คุณลองนึกถึงองค์ประกอบของธุรกิจของคุณว่าจะต้องมีอะไรบ้าง จริงๆก็คือการวาง Master Plan ในสมองแล้วจินตนาการออกมาวางบนที่ดินที่เรากำลังดูอยู่ รวมถึงพิจารณาขนาดของอาคารและองค์ประกอบอื่นๆในนั้นด้วย แล้วพิจารณาดูว่าที่ดินผืนนี้มีพื้นที่เพียงพอต่อความต้องการของเราหรือไม่

หากอาคารและองค์ประกอบต่างๆ เกิดขึ้นจริงจะสามารถมองเห็นได้เด่นชัดหรือเป็นไปตามที่เราอยากให้เป็นหรือเปล่า หากพิจารณาแล้วไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการหรือไม่แน่ใจ ขอแนะนำให้หาที่ใหม่ได้เลย

จาก 5 ขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น เชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางเบื้องต้นแก่ผู้ที่กำลังเลือกหรือตัดสินใจที่จะซื้อหรือลงทุนในที่ดิน ได้มีแนวทางพิจารณาที่ดิน ทำเล สภาพแวดล้อมถูกต้องและเหมาะกับความต้องการ ซึ่งหวังว่าฮวงจุ้ยจะเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจในระยะเวลาอันสั้นและรวดเร็วนี้ได้

อ่านเพิ่มเติม โฉนดที่ดินขุมทรัพย์ของคน 12 ราศี

 

ศาสตร์ฮวงจุ้ยที่ดิน อธิบายความเชื่อจีนสมัยก่อนและหลักเหตุผลรองรับ

ที่ดินสี่เหลี่ยม

“ฮวงจุ้ย” เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยภูมิพยากรณ์ของประเทศจีน ซึ่งสั่งสมกันมานับพันๆปี หลักของฮวงจุ้ยนั้นจึงเป็นการถ่ายทอดความรู้จาก รุ่นสู่รุ่นในแบบของความเชื่อ ซึ่งเป็นวิธีการสอนของคนสมัยก่อนมากกว่าการสอนด้วยหลักเหตุผล แบบวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อเรานำ ความเชื่อของฮวงจุ้ยมาวิเคราะห์กันจริงๆแล้ว จะพบว่าความเชื่อเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับ หลักของเหตุและผล อยู่ในความคิดแห่งภูมิปัญญานั้น

1.”รูปทรงที่ดินปากกว้างก้นแคบ ในตำราฮวงจุ้ยกล่าวเอาไว้ว่าเป็นที่ดินไม่เก็บทรัพย์ เงินทองรั่วไหล เจ้าของบ้านจะมีหนี้สินมากมาย หาเท่าไหร่เป็นหมด และใครที่ปลูกบ้านบนที่ดินลักษณะนี้ชีวิตสมรสจะล้มเหลว”

สมัยก่อนประเทศจีนมีการเก็บภาษีที่ดินจากความยาวของด้านที่อยู่ติดถนน ชาวจีนสมัยนั้น จึงไม่นิยมสร้างบ้านบนที่ดินที่มีหน้ากว้าง อีกทั้งบ้านที่มีด้านยาวติดถนนมากๆ มักจะมีปัญหาเรื่องฝุ่น ควัน และเสียงดังรบกวนจากภายนอกได้ง่ายด้วย แต่ถ้าเรามองในแง่ของการค้าแล้ว ที่ดินลักษณะนี้กลับน่าจะเป็นข้อได้เปรียบตรงที่มีพื้นที่ขายหน้าร้านกว้างมากขึ้น

2.”รูปทรงที่ดินสี่เหลี่ยมคางหมูปากแคบ ตำราฮวงจุ้ยเรียกว่าเป็นที่ดิน “ถุงเงิน” เป็นที่ดินที่เก็บทรัพย์ได้ดี แต่อาจต้องดิ้นรนต่อสู้เอาบ้างในช่วงแรกเริ่ม”

น่าจะมีเหตุผลมาจากการเก็บภาษีที่ดินของประเทศจีนในสมัยก่อนเช่นเดียวกับข้อแรก ทำให้เจ้าของบ้านบนที่ดินหน้าแคบมีเงินเหลือเก็บมากกว่า บ้านบนที่ดินหน้ากว้าง และหากมองในแง่การออกแบบแล้ว ที่ดินลักษณะนี้มักจะมีปัญหาเรื่องเสียงรถ และฝุ่นควัน รบกวนน้อยกว่าด้วย

3.”ใครปลูกบ้านบนที่ดินใบมีด จะมีแต่อันตราย”

การออกแบบบ้านบนที่ดินแคบยาว และมีขนาดเล็กมากๆ อาจมีปัญหาเรื่องการวางตำแหน่งห้องภายในบ้าน ซึ่งจะทำได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะที่ดินที่ด้านแคบหันไปทางทิศเหนือ – ใต้ เพราะจะทำให้ออกแบบตัวบ้านเลี่ยงแสงแดดได้ลำบาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุ ทำให้บ้านร้อน จนเจ้าของบ้านอยู่แล้วรู้สึกไม่สบาย อีกทั้งในการออกแบบบ้าน

เรายังต้องคำนึงถึงระยะถอยร่นจากเขตที่ดินอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อสามารถทำหน้าต่างบ้านได้ ทำให้พื้นที่ที่เหลือสำหรับสร้างบ้านจริงๆเหลือน้อยมาก จนทำให้การออกแบบบ้านให้ดีนั้นทำได้ยากยิ่งขึ้น

4.”ใครปลูกบ้านบนที่ดินรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และประสบอุบัติเหตุบ่อย จนเป็นเหตุให้มีเรื่องให้เสียเงินเสียทองเสมอ”

ที่ดินลักษณะนี้ไม่ว่าจะวางตำแหน่งบ้านแบบไหนก็จะเหลือเศษสามเหลี่ยมมุมแหลม เป็นซอกรั้วบ้านทั้ง 2 ด้านเสมอ ซึ่งเป็นรูปร่างของพื้นที่ที่ไม่สามารถ ใช้ประโยชน์ได้มากนัก นอกจากจะจัดเป็นสวนหรือระเบียงนั่งเล่น และในแง่ของจิตวิทยาลักษณะซอกมุมเหล่านี้ ยังเป็นมุมที่ทำให้ผู้มองเกิด ความรู้สึกอึดอัดอีกด้วย

5.”ที่ดินรูปค้อน จะส่งผลให้มีแต่เรื่องหนักใจ ครอบครัวแตกร้าว มีทุกข์เหมือนกับโดนค้อนทุบ”

ที่ดินลักษณะนี้ถ้าหากเราวางผังบ้านไม่ดีจะเหลือ ซอกมุม และจุดอับมาก ซึ่งในการออกแบบบ้านที่ดีนั้น เจ้าของบ้านควรจะสามารถมองเห็นบริเวณภายในบ้าน ทุกๆส่วนได้ชัดเจนด้วย เพราะการมีมุมอับ ทางสายตาในบ้าน จะทำให้เจ้าของบ้านเกิดความรู้สึกไม่ค่อยดีในเชิงความไม่ปลอดภัยและเป็นกังวลได้ง่าย ดังนั้นการวางตำแหน่งบ้านบนที่ดินรูปค้อน เราจึงไม่ควรวางตัวบ้านเบี่ยงไปด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป

6.”ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นทำเลฮวงจุ้ยที่ดี ครอบครัวที่อยู่บนทำเลนี้จะอยู่ดีเป็นสุข ไม่ค่อยมีเรื่องที่ทำให้เดือดร้อนใจ”

เป็นลักษณะที่ดินที่ออกแบบ และวางผังได้ค่อนข้างง่าย ไม่เหลือเศษพื้นที่และมุมอับทางสายตาเหมือนที่ดินหักมุม แต่ความยาวที่เท่ากันทุกด้านนั้น ก็ทำให้บ้านดูไม่น่าสนใจด้วยเช่นกัน

7.”ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามตำราฮวงจุ้ยเป็นที่ดินที่ดีที่สุด ผู้อยู่อาศัยจะดี ครอบครัวมีความสุข”

เป็นลักษณะรูปทรงที่ดินที่วางผังบ้านได้ง่ายที่สุด และสามารถออกแบบให้มีพื้นที่เหลือ สำหรับสวนและปลูกต้นไม้ได้มากกว่าที่ดินลักษณะอื่นๆ (ในขนาดพื้นที่เท่ากัน) โดยเฉพาะที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่อยู่ทางทิศขวางตะวัน หรือมีด้านแคบหันไปทางทิศตะวันออก และตะวันตก เพราะจะช่วยให้เราสามารถออกแบบบ้านรับลมประจำถิ่น ที่พัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ได้เต็มที่

8.”ใครปลูกบ้านบนที่ดินรูปทรงสามเหลี่ยมนั้นไม่ดี จะเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดอุบัติเหตุและมีปัญหาเรื่องชู้สาว” วิธีแก้คือแบ่งส่วนปลายสามเหลี่ยมออกมุมหนึ่ง จึงสามารถปลูกบ้านได้ แต่ที่ดินนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะปลูกบ้านได้ด้วย”

ที่ดินรูปสามเหลี่ยมหากมีขนาดเล็กมาก จะทำให้เราออกแบบบ้าน ได้ค่อนข้างลำบาก เพราะที่ดินลักษณะนี้จะมีมุมของรั้วบ้านซึ่งเป็นซอกไม่น่าดูถึง 2 มุมด้วยกัน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกอึดอัดทางสายตา (ซึ่งเราอาจแก้ปัญหาด้วยการปลูกต้นไม้ เพื่อหลบเหลี่ยมมุมและปิดรั้ว)

อีกทั้งพื้นฐานของรูปทรงบ้านและห้องภายในบ้านนั้นเป็นสี่เหลี่ยม เมื่อนำไปวางในพื้นที่สามเหลี่ยมจะทำให้เราเสียพื้นที่สำหรับสร้างบ้านมากกว่าที่ดินที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม
หลายๆท่านอาจยังไม่เคยทราบว่าการเลือกทรงบ้านที่ดินตามฮวงจุ้ยนั้นต้องดูตามลักษณะและรูปทรงของที่ดิน ซึ่งหากเลือกได้ดีชีวิตก็มีความสุขไร้ปัญหายุ่งยากในภายหลัง

 

สรุปศาสตร์ ฮวงจุ้ยที่ดิน

ที่ดินรูปตัวแอล

1. บ้านที่มีที่ดินด้านหลังบ้านแคบแต่ด้านหน้าบ้านกว้าง ถือว่าไม่เป็นมงคล แต่เราสามารถแก้ฮวงจุ้ยได้ด้วยการติดกระจกบริเวณที่แคบทั้งสองด้าน เพื่อให้ความรู้สึกกว้างและลึก

2. บ้านที่มีลักษณะหน้าบ้านแคบแต่หลังบ้านกว้าง ตามตำราฮวงจุ้ยถือว่าเป็นลักษณะที่ดี จะเป็นถุงเงินถุงทองให้กับคนที่อยู่อาศัย แต่ถ้าหากมีลักษณะเป็นรูปทรงหน้ากว้างหลังแคบจะเก็บเงินไม่อยู่ จะยากจน

3. บ้านที่สร้างแล้วมีความลึกมากกว่าความกว้าง จัดว่าเป็นฮวงจุ้ยทีดี อยู่แล้วจะเจริญรุ่งเรือง

4. บ้านหรือที่ดินบ้านที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตามหลักฮวงจุ้ยถือว่าเป็นมงคลอย่างมาก

5. บ้านมีพื้นที่เว้าแหว่งเป็นบางส่วน ถือว่าขัดต่อหลักฮวยจุ้ยเป็นอย่างมาก จะส่งผลให้คนในบ้านมีอันเป็นไป ถ้าหากแหว่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะส่งผลถึงแม่หรือหญิงเจ้าของบ้าน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะส่งผลถึงพ่อหรือชายเจ้าของบ้าน ทิศตะวันออกและตะวันตกคือลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็ก ทิศเหนือและใต้จะส่งผลกระทบต่อลูกสาวคนกลาง ทิศใต้จะเกิดความเสียหายแก่ลูกชายคนกลาง และทิศเหนือจะมีเรื่องคดีความ

6. ทางเข้าบ้านที่มีความแคบหรือกว้างเกินไป ถือว่าไม่เป็นมงคล ดังนั้น การออกแบบสร้างบ้านจะต้องดูทางเข้าให้ได้สัดส่วนและกลมกลืนกับขนาดพื้นที่ของบ้านด้วย นอกจากนี้ไม่ควรทำทางเข้าบ้านเป็นทางลาดเทออกไป เพราะจะทำให้พลังชี่ไหลเวียนออกไปจนหมด ส่งผลให้โชคดีและเงินทองไหลออกไปได้อีกด้วย

7. บ้านที่มีถนนโค้งออก จะทำให้อยู่อาศัยแล้วไม่เจริญและยากจน อีกทั้งบ้านที่มีถนนล้อมรอบทั้ง 4 ด้านก็ถือว่าไม่เป็นมงคลเช่นกัน หากคุณมีบ้านอยู่ใกล้สี่แยกให้ตั้งประตูใหญ่ให้ถูกรหัสราศีของเจ้าของบ้าน และอีกด้านให้ปลูกต้นไม้แทนภูเขาเพื่อแก้เคล็ด

งานบริการยอดนิยมจาก บริษัทTAMPBUILDER ออกแบบ เขียนแบบ ถอดแบบ รับเหมาก่อสร้างบ้านและอาคาร ครบวงจร

หาผู้รับเหมา หาช่างก่อสร้าง รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน รับทำ BOQ ถอดแบบประมาณราคา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!