บ้าน เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตและเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อการพักผ่อน ดังนั้นหากจะดำเนินการสร้างบ้านให้ตอบโจทย์ดังกล่าวนอกจากการออกแบบและสร้างอย่างมีมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยแล้ว การคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสุขสบายและมั่นใจในทุกๆ วันของการใช้ชีวิตที่บ้าน โดยเฉพาะการออกแบบและจัดองค์ประกอบตามหลัก ฮวงจุ้ยบ้าน ซึ่งจะมีเรื่องไหน หรือส่วนใดของพื้นที่ต้องระวัง ให้ความสำคัญเป็นพิเศษอย่าพลาดที่จะอ่านกันนะ
การสร้างบ้านหรือเลือกซื้อบ้านใหม่ สำหรับคนทั่วไปจะมุ่งเน้นเลือกซื้อตามทำเลและราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณ แต่หากผู้อ่านต้องการบ้านที่ดี อยู่แล้วร่ำรวย อยู่แล้วเจริญรุ่งเรือง การเลือกบ้านแบบคนทั่วไปอาจยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่จำเป็นต้องเรียนรู้ศาสตร์ฮวงจุ้ยเพิ่ม เพื่อให้บ้านเป็นส่วนกระตุ้นโชคลาภให้กับผู้อยู่อาศัย
ศาสตร์ ฮวงจุ้ยบ้าน ในมุมมองของผู้เขียน เป็นศาสตร์ที่อิงหลักสถาปัตยกรรม อิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีตัวแปรต่าง ๆ ที่สามารถพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้ อีกทั้งยังมีผลลัพธ์ทางด้านสถิติที่แม่นยำ จึงทำให้ศาสตร์ฮวงจุ้ยได้การยอมรับมานับพันปี อย่างไรก็ตามยุคปัจจุบันวงการฮวงจุ้ยในไทยได้แตกแขนงไปหลายด้าน มีทั้งด้านที่อิงวิทยาศาสตร์และด้านความเชื่อ โดยทาง TAMPBUILDER จะมีข้อมูลทั้งทางที่อิงวิทยาศาสตร์เป็นหลักและความเชื่อส่วนบุคคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่อยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่าน
สำหรับผู้ที่เชื่อในศาสตร์ของฮวงจุ้ย เพื่อทำให้บ้านช่วยเสริมพลังให้กับตัวเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ การมีฮวงจุ้ยบ้านที่ดียังสามารถช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดี การงานที่ก้าวหน้าขึ้น หรือเสริมทรัพย์โชคลาภเงินทองตามมา
สารบัญ
ฮวงจุ้ยบ้าน ที่ดีภายนอกตัวบ้าน
ฮวงจุ้ยบ้าน ที่ดีภายนอกตัวบ้าน ควรมีลักษณะ 20 ประการ ดังต่อไปนี้
1. มีถนนเข้าออกได้หลายทาง
กฎข้อนี้สามารถใช้ได้ทั้งการเลือกซื้อบ้าน อาคารทุกประเภทหรือเลือกซื้อที่ดิน เพราะทำเลที่ตั้งบ้านฮวงจุ้ยดี จำเป็นต้องมีถนนทางเข้าที่กว้าง ขับขี่ได้อย่างสะดวก และหากเป็นถนนที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสายอื่น ๆ ได้อีกหลายเส้น จะยิ่งส่งเสริมโชคลาภให้กับผู้อยู่อาศัย ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
จะว่าไปแล้วกฎข้อนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพราะหากสามารถเข้าออกได้หลายทาง จะทำให้เกิดกระแสหมุนเวียนมาก กระแสที่เป็นรูปธรรม คือ กลุ่มคน กลุ่มลูกค้าที่สามารถเข้าถึงธุรกิจของเราได้อย่างสะดวก แต่หากทำเลดังกล่าวเป็นซอยตัน ซอยแคบ โอกาสที่ผู้คนจะรู้จักหรือพบเห็นก็จะน้อยลงไปมาก ยิ่งหากซอยตันและบ้านอยู่ท้ายซอยให้สังเกตได้เลยว่า บ้านท้ายซอยโดยส่วนมากจะรกรุงรัง ไม่มีผู้อยู่อาศัย ซึ่งเกิดจากการขาดพลังงานที่ดีนั่นเอง
แค่ให้มีทางเข้าออกสะดวกก็ช่วยให้ฮวงจุ้ยดีขึ้นและ และหากจำเป็นต้องอยู่ซอยตัน ให้เลือกแปลงบ้านที่อยู่โซนปากซอยเท่านั้น หากอยู่สุดซอยย่อมไม่ดีอย่างแน่นอน
2. ทำเลที่ตั้งต้องดี
สำหรับเจ้าของบ้านที่ยังไม่มีที่ดินและกำลังมองหาทำเลที่เหมาะสมกับการสร้างบ้าน ควรให้เวลาและให้ความสำคัญกับที่ดินที่จะซื้อเป็นพิเศษ โดยบ้านที่จะเป็นมงคลกับการอยู่อาศัยนั้น ควรสร้างอยู่บนที่ที่มีลักษณะใกล้แม่น้ำ หรือมีแม่น้ำล้อมรอบ แต่หากหาพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ อาจแก้ไขด้วยการสร้างสระว่ายน้ำเพิ่ม
บ้านที่มีทำเลใกล้แม่น้ำหรือมีสระว่ายน้ำในบ้าน จะเป็นฮวงจุ้ยที่ดีเสริมด้านโชคลาภ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความเจริญรุ่งเรือง มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ
ชัยภูมิของบ้านที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย คือ บริเวณที่สามารถเก็บพลังได้ การเลือกที่ดินที่ดีตั้งแต่ต้นจะทำให้ฮวงจุ้ยของบ้านดีตามไปด้วย โดยที่ดินที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยนั้นจำเป็นต้องมีจุดรับและเก็บกระแสพลังงานที่ดี เป็นที่ดินที่มีด้านกว้างและไม่ลึกมากจนเกินไป และมีทิศทางองศาที่ไหลเวียนพลังงานได้ดี
ส่วนทำเลที่ควรหลีกเลี่ยงคือ พื้นที่บนสันเขา หน้าผา พื้นที่แคบ บนทางระบายน้ำ ใกล้สะพาน สามแยก สุสาน คุก แหล่งทิ้งขยะ หรือบริเวณทางตันและท้ายซอย ทำเลเหล่านี้เป็นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ภัยพิบัติ เป็นมุมอับ ทำให้การไหลเวียนของโชคลาภไม่ดี
3. หันหน้าให้ถูกทิศมงคล
การสร้างบ้านที่ถูกต้องตามตำแหน่งทิศมงคลในหลักฮวงจุ้ย จะช่วยให้การอยู่อาศัยเป็นไปอย่างสงบสุข นำพาสิ่งดีๆ เข้าสู่บ้านและผู้อยู่อาศัย แต่ในปัจจุบันการเลือกทิศมงคลสร้างบ้านให้สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมและทิศทางถนน อาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นจึงต้องเสริมหลักการสร้างบ้านและวิธีเสริมตามฮวงจุ้ยเข้าไปในแต่ละทิศด้วย
• ทิศเหนือ : ตามฮวงจุ้ยทิศเหนือถือเป็นทิศธาตุน้ำ เพราะเป็นทิศที่ตลอดทั้งวันแทบไม่ถูกรบกวนจากแสงอาทิตย์ ทำให้บ้านมีความสงบร่มเย็น การสร้างบ้านให้หันหน้าไปทางทิศเหนือควรสร้างประตูหน้าบ้านให้อยู่ตรงกลาง และจัดตำแหน่งห้องนอนให้อยู่ด้านหลัง ด้านซ้ายของบ้านไม่ควรมีน้ำไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ บ่อปลา หรือน้ำพุ ส่วนห้องน้ำไม่ควรอยู่จุดศูนย์กลางบ้านเพราะจะเป็นตำแหน่งประธาน ทำให้ผู้อยู่อาศัยทำงาน กิจการ ธุรกิจติดขัด
• ทิศใต้ : ถือเป็นทิศที่ดีอีกทิศสำหรับการสร้างบ้านของคนทั่วไป ยกเว้นแต่ผู้ที่เกิดปีมะเมียเพราะถือเป็นทิศทางที่ชงกันกับปีเกิดทำให้ชีวิตติดขัด ไม่ราบรื่น และไม่มีความมั่นคง ตามหลักฮวงจุ้ยทิศนี้จะเปิดรับแสงแดดและกระแสลมได้ดีจึงช่วยเพิ่มพลังชีวิต ความเป็นสิริมงคล โชคลาภ และทำให้ผู้อยู่อาศัยรักใครสามัคคีกัน โดยการสร้างบ้านสำหรับทิศนี้ ควรวางตำแหน่งประตูบ้านอยู่ตรงกลางหรือฝั่งซ้าย ห้องนอนควรอยู่ตำแหน่งหน้าบ้าน และบริเวณหน้าบ้านต้องโล่งไม่มีน้ำพุหรือบ่อปลาขวางกระแสโชคลาภ
• ทิศตะวันออก : หากสร้างบ้านหันหน้าทางทิศนี้จะทำให้บ้านได้เปิดรับแสงรำไรช่วงเช้า ช่วยสร้างบรรยากาศการเริ่มต้นใหม่ในทุกๆ วัน การวางตำแหน่งส่วนต่างๆ ของบ้านควรให้ประตูหน้าบ้านอยู่ทางฝั่งซ้ายของตัวบ้าน ห้องนอนอยู่ส่วนหลังบ้าน และห้องครัวให้อยู่หลังบ้านฝั่งขวา จะทำให้การอยู่อาศัยร่มเย็นเป็นสุข ชีวิตราบรื่น การเงินไหลคล่อง
• ทิศตะวันตก : ทิศนี้ในทางไทยถือเป็นทิศที่ไม่เป็นมงคล แต่ในทางจีนนั้นถือเป็นทิศธาตุทอง ที่บ้านจะได้รับแสงช่วงเย็นเป็นเหมือนการรับพลังงานดีๆ เข้าบ้าน นำพาความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ผู้อาศัยจนเรียกได้ว่ารวยแบบไม่รู้ตัว โดยหัวใจสำคัญของการสร้างบ้านหันหน้าไปทิศนี้คือต้องมีน้ำอยู่บริเวณหน้าบ้าน และมีต้นไม้ให้ร่มเงา
สรุป
ตามฮวงจุ้ยของจีนเชื่อว่าการสร้างบ้านหันหน้าเข้าหาทิศใต้เป็นทิศทางที่ดีที่สุด เพราะเปรียบเสมือนเป็นการเปิดรับแสงแดดและกระแสลมดี ๆ ที่พัดผ่านเข้ามาทางทิศนี้ตลอดทั้งปี ช่วยเพิ่มพลังงานชีวิต โชคลาภ สิริมงคล อีกทั้งยังช่วยสร้างความสามัคคีกลมเกลียวกันในครอบครัว อยู่แล้วดีมีความสุข หากสร้างบ้านเพื่อเปิดร้านค้าก็จะช่วยให้ค้าขายร่ำรวย
อย่างไรก็ตามการสร้างบ้านหันหน้าไปทางทิศใต้ของบ้านในประเทศไทยอาจจะมีปัญหาเรื่องความร้อนอยู่บ้าง ดังนั้นทิศเหนือและทิศตะวันออกจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากปกติแล้ว แสงอาทิตย์ที่ขึ้นในตอนเช้าจะไม่ค่อยร้อน ไม่เหมือนแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน ส่งผลให้การหันหน้าบ้านไปทางทิศตะวันออกและทิศเหนือ ช่วยให้บ้านของเราร้อนน้อยลงกว่าทิศใต้และทิศตะวันตกได้
ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยสภาพแวดล้อมในการปลูกสร้าง อาจจะทำให้ไม่สามารถหันหน้าบ้านไปตามตำแหน่งทิศมงคลที่ถูกหลักฮวงจุ้ยได้ ทั้งนี้ สามารถแก้ไขด้วยการปลูกต้นไม้ เพื่อลดอุณหภูมิในช่วงหน้าร้อน แต่ต้องคำนึงถึงทิศทางลม ไม่ควรปลูกต้นไม้บังทิศทางของลมจนเกินไป เพราะจะเป็นการปิดรับพลังงานที่ดีให้เข้ามาสู่ภายในบ้านได้
ตัวบ้านหันถูกทิศ
โดยตัวบ้านจะต้องเปิดรับทิศทางลมพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือในครึ่งปีแรก และพัดทิศตะวันตกเฉียงใต้ในครึ่งปีหลัง จะทำให้บ้านไม่กระทบกับแสงแดดโดยตรง อากาศถ่ายเทสะดวก คนจีนเชื่อว่าบ้านที่หันหน้าเข้ากระแสลม จะพัดพาพลังงานที่ดีเข้าบ้าน ส่งผลให้เงินทองไหลมาเทมา หากซื้อบ้านตามทิศนี้แล้ว ลมจะโชยเข้าบ้าน เย็นสบาย ดังคำกล่าวที่ว่า “อยู่เย็น เป็นสุข”
4. มีระยะร่นหน้าบ้าน
โดยปกติระยะร่นหน้าบ้าน พรบ.ควบคุมอาคารจะกำหนดไว้ตามประเภทอาคาร ซึ่งแต่ละประเภทจะมีระยะร่นแตกต่างกัน โดยเฉลี่ยมีระยะร่นประมาณ 2 เมตร แต่หากมองตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดี ระยะร่นเพียง 2 เมตร ยังไม่เพียงพอต่อการรับกระแสพลังงานเพื่อมาช่วยกระตุ้นให้กับตัวบ้าน
ตามหลักฮวงจุ้ยได้กล่าวไว้ว่า บ้านที่ดีต้องมี “เหม่งตึ๊ง” คำว่า เหม่งตึ๊ง แปลง่าย ๆ ก็คือ ลานกักเก็บพลังงาน อาจเป็นสนามหญ้าหน้าบ้านหรือลานกลางแจ้ง
กรณีบ้านชั้นเดียว ควรเว้นระยะร่นไว้ประมาณ 3-4 เมตรขึ้นไป หรือหากเป็นบ้าน 2 ชั้น ควรเว้นระยะประมาณ 4 เมตรขึ้นไป ยิ่งเหม่งตึ๊งมีความโปร่ง กว้างมาก ยิ่งสามารถกักเก็บพลังงานไว้ได้มาก
และไม่ควรถมดินหรือเทพื้นในลักษณะลาดเทออกนอกบ้าน แต่ให้พื้นเรียบเสมอ กรณีลาดเอียงให้เว้นเฉพาะทางขึ้นรถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิเช่นนั้นจะทำให้กระแสไหลออกนอกบ้านได้
5. มีหน้าบ้านโปร่งโล่ง
นอกจากการเว้นระยะร่นเพื่อสร้างเหม่งตึ๊งแล้ว สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ คือ ความโปร่งโล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ โดยเฉพาะตำแหน่งประตูบ้านต้องโปร่งโล่งมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ กรณีมีต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า หรือสิ่งกีดขวางใด ๆ มาบดบัง ให้ทำการเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางเหล่านั้นออก มิเช่นนั้นจะเป็นส่วนกีดขวางพลังงาน ทำให้ขัดโชค ขัดลาภ แต่หากหน้าบ้านโปร่ง พลังงานจะเก็บสะสมได้อย่างสมบูรณ์ไม่มีติดขัด
จุดเล็ก ๆ ที่หลายบ้านมักจะละเลย เช่น การตากผ้าหน้าบ้าน การวางรองเท้ารกขวางประตู หรือวางของใช้เกะกะ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลกับฮวงจุ้ยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น จัดเก็บให้เป็นระเบียบ เลือกที่จะตากผ้าบริเวณด้านข้าง หลังบ้าน หรือมีห้องตากผ้าโดยเฉพาะจะยิ่งดีมาก
6. หลังบ้านหนักแน่น
สำหรับพื้นที่หลังบ้าน ฮวงจุ้ยบ้านที่ดีควรมีความหนักแน่นเป็นปึกแผ่น เนื่องจากหลังบ้านเป็นตำแหน่งบารมี จึงควรออกแบบในลักษณะเอื้อต่อการเกื้อหนุน หากอิงความเชื่อโบราณของไทยจะนิยมให้ปลูกต้นขนุนไว้หลังบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในไม้มงคลที่หมายถึงการมีผู้สนับสนุน ส่งเสริมด้านบารมี แต่ทางฮวงจุ้ยชื่อไม้มงคลจะไม่มีผลต่อกันนะครับ บริบทของความเป็นปึกแผ่นสื่อถึงลักษณะทรงสูง ปิดมิดชิดหรือเป็นลักษณะเนินเขา
พื้นดินหลังบ้านจึงควรสูงกว่าโซนหน้าบ้านเล็กน้อย มีกำแพงปิดทึบ หลังบ้านที่ดีควรสงบนิ่ง ไม่มีกระแสพุ่งเข้ามา เช่น หลังบ้านไม่ควรเป็นถนน, หลังบ้านไม่ควรมีน้ำไหลผ่าน เพราะหากมีกระแสมาจากหลังบ้านจะทำให้ผู้อยู่อาศัยขาดความสงบ ชีวิตวุ่นวาย แต่หากหลังบ้านสงบ หนักแน่น มิดชิด จะช่วยเกื้อหนุนให้เกิดการสั่งสมบารมี สั่งสมโชคลาภทรัพย์สมบัติได้เป็นอย่างดี
7. มีรูปทรงบ้านสมดุล
ลักษณะบ้านที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย เป็นบ้านที่มีความสมดุลทุก ๆ ทิศทาง เพราะทุกทิศสามารถตีความหมายตามหลักเบญจธาตุและระบบปราณ 8 ทิศได้ หรือหากท่านใดต้องการวิเคราะห์ฮวงจุ้ยบ้านอย่างละเอียด ซินแสจะหาจุดศูนย์กลางของบ้านเพื่อคำนวณองศาทิศทางแต่ละทิศ เพื่อจัดฮวงจุ้ยบ้านให้เกิดความสมดุล
บ้านที่หาจุดกึ่งกลางได้ดีจึงเป็นบ้านลักษณะสี่เหลี่ยม ไม่มีด้านใดเว้าแหว่ง เพราะการเว้าแหว่งของตัวบ้านจะทำให้พลังงานขาดหาย ไม่สามารถกระจายได้ทั่วถึงหรือขาดความสมดุลนั่นเองครับ ทั้งนี้ การเว้าแหว่งของตัวบ้านจะไม่ได้กระทบกับสมาชิกทุกคนในบ้าน แต่จะกระทบกับบุคคลที่มีดวงธาตุตรงกับทิศนั้น ๆ นอกจากนี้ รูปทรงบ้านที่ดีไม่ควรมีรูปทรงและหน้าตาแปลกมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เสียสมดุลได้ง่ายกว่าบ้านทรงกล่องทั่วไป
ตามความเชื่อของศาสตร์ฮวงจุ้ยบ้าน ว่ากันว่าหากใครปลูกสร้างหรือหาซื้อบ้านที่มีหน้ากว้าง คล้ายกับลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะทำให้เจ้าของบ้านอยู่แล้วมีความสุข นำพาความมั่งคั่งร่ำรวยมาให้เจ้าของบ้าน เรียกว่าอยู่แล้วไม่เจ็บไม่จน แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมแยกส่วนทำงานกับส่วนพักผ่อนออกจากกันด้วย เพื่อให้คนในบ้านมีจิตใจที่ผ่อนคลายไม่เครียด
สรุป
การสร้างบ้านที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยนั้น สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามคือรูปทรงของตัวบ้านที่ต้องมีลักษณะดี คือเป็นบ้านทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีทรงเรียบๆ ซึ่งจะช่วยรับพลังงานบวกที่ดีจากทั้ง 4 ด้าน ทำให้อากาศไหลเวียนดี หนุนนำให้เงินทองไหลเข้าบ้านสะดวก พบเจอแต่ความสบาย ความเจริญก้าวหน้า เต็มไปด้วยความสุขสงบ ไร้ปัญหาขัดแย้งกันระหว่างสมาชิก
แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมแยกส่วนทำงานกับส่วนพักผ่อนออกจากกันด้วย เพื่อให้คนในบ้านมีจิตใจที่ผ่อนคลายไม่เครียด
8. มีหลังคาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน
นอกจากรูปทรงบ้านแล้ว หลังคาบ้านซึ่งเป็นส่วนปกคลุมตัวบ้านมีผลในทางฮวงจุ้ยเช่นกัน หลังคาบ้านที่ดีควรออกแบบในลักษณะเรียบง่าย สามารถทำได้ทุกประเภท ทั้งหลังคา Slab, ปั้นหยา, จั่วและหมาแหงน แต่ต้องเป็นผืนเดียวกันตลอดทั้งอาคาร ไม่ควรทับซ้อนหรือมีหลายชั้นมากเกินไป
หากมองในมุมของงานก่อสร้าง การมีหลังคาซ้อนทับกันหลายชั้น มักก่อให้เกิดปัญหารั่วซึมภายหลัง อีกทั้งยังเป็นจุดเสี่ยงต่อการทำรังของนกพิราบและนกกระจอกอีกด้วย การมีหลังคาที่เรียบง่าย จึงสามารถดูแลรักษาได้ง่ายกว่า และยังช่วยให้รูปทรงบ้านเกิดสมดุลที่ดี
9. มีภายในโปร่งสว่าง
ข้อนี้หลาย ๆ บ้านมักละเลยไม่ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะบ้านยุคใหม่ที่เน้นปิดม่านไว้อย่างมืดทึบ ฮวงจุ้ยบ้านที่ดีควรจัดแสงสว่างไว้อย่างเหมาะสม แสงสว่างหลัก ๆ มาจากแสงธรรมชาติ แต่หากจุดไหนแสงธรรมชาติเข้าไม่ถึง ให้ใช้แสงสว่างจากหลอดไฟมาทดแทน โดยเฉพาะโถงภายในบ้าน ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องทำงาน ห้องครัว และบริเวณหน้าบ้านควรให้มีแสงสว่างอยู่เสมอ
ตำราฮวงจุ้ยจากอาจารย์ซินแส ยังเคยกล่าวไว้ว่า “อย่างกที่จะเปิดไฟ เพราะบ้านที่มืดนั้นอับจน แต่บ้านที่สว่างจะร่ำรวย” การเปิดไฟให้บ้านสว่างแม้จะสิ้นเปลืองค่าไฟ แต่ก็ช่วยส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีแนวทางในการหาเงิน หาความเจริญรุ่งเรืองเข้าบ้านได้ จึงคุ้มค่ากับการลงทุน
10. ต้นไม้เสริมความรุ่งเรือง
บ้านฮวงจุ้ยดีนอกจากตัวบ้านมีตำแหน่งมงคลแล้ว ภายนอกบ้านต้องแวดล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว เพราะต้นไม้เป็นเหมือนตัวแทนของความเจริญงอกงาม ช่วยสร้างบรรยากาศของความร่มรื่นและความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นบ้านที่มีพื้นที่สีเขียวและมีต้นไม้มงคลในพื้นที่จะเสริมให้เกิดความรุ่งเรือง เงินทองเพิ่มพูน
บ้านที่มีต้นไม้ให้ความร่มเย็นรอบๆ บริเวณบ้านถือเป็นบ้านที่มีลักษณะดี เพราะต้นไม้มีอิทธิพลต่อฮวงจุ้ยของบ้านด้วย และถ้าศึกษาเรื่องสี สีเขียวนับว่าเป็นสีที่ส่งเสริมในเรื่องความเจริญงอกงาม ดังนั้น บ้านที่มีต้นไม้รอบๆ บ้าน ก็จะได้รับอิทธิพลส่งเสริมให้ความความเจริญรุ่งเรือง และต้องหมั่นดูแลตัดแต่งต้นไม้ให้สวยงาม อย่าให้เหี่ยวเฉา เพราะจะทำให้โชคลาภเสื่อมถอย ทั้งนี้ไม่ควรปลูกต้นไม้ไว้กลางบ้าน เพราะจะทำให้เกิดปัญหาทางด้านการเงินได้
สรุป
ให้บ้านเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
- หลักของฮวงจุ้ยที่ดี คือการอยู่ร่วมกับธรรมชาติด้วยความสมดุล ส่งเสริมเกื้อหนุนกัน ดังนั้นบ้านที่ถูกหลักฮวงจุ้ย ต้องประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว มีธรรมชาติโอบล้อมบ้าน สิ่งสำคัญก็คือต้นไม้นั่นเองค่ะ
- ต้นไม้ให้ร่มเงา ต้นไม้หมายถึง ความเจริญงอกงาม ช่วยเสริมเรื่องความเจริญรุ่งเรืองทั้งการใช้ชีวิต และเงินทองให้งอกงาม ทั้งนี้เราควรเลือกปลูกต้นไม้ในตำแหน่งที่เหมาะกับฮวงจุ้ยบ้าน เช่น การปลูกต้นไม้ไว้หลังบ้าน เปรียบเหมือนภูเขา เชื่อว่าจะมีแรงสนับสนุนอยู่ตลอด
ปลูกต้นไม้เพื่อเสริมพลังงาน
ต้นไม้สามารถเสริมพลังงานให้แก่บ้านได้อย่างมาก ถ้าหากปลูกให้ถูกต้องตามหลักการ โดยหลักการในการปลูกต้นไม้ในตัวบ้าน คือ
a. ห้ามมีส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นไม้โดนตัวบ้าน
b. ห้ามปลูกต้นไม้บังประตูบ้าน
c. ห้ามปลูกต้นไม้กลางบ้าน
d. ห้ามเก็บต้นไม้ที่ตายแล้วไว้ในบริเวณบ้าน
นอกจากนี้ ยังมีต้นไม้ที่ช่วยเสริมพลังให้กับบ้านโดยตรง เช่น
- ต้นไผ่ หากปลูกหน้าบ้านจะส่งเสริมความมั่งคั่งและโอกาส การปลูกรั้วต้นไผ่จะช่วยส่งเสริมให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง
- ต้นสนจะช่วยเสริมพลังชีวิต
- ต้นส้มจะให้โชคลาภและความมั่งคั่ง
- ต้นมะนาวจะนำผลประโยชน์มาให้
- ต้นแอปเปิ้ลช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในบ้าน
- การปลูกต้นสนขนาบไว้ด้านข้างด้วยก็จะช่วยเสริมในเรื่องโชคลาภด้วย
- หรือต้นทับทิมจะส่งเสริมความรัก เป็นต้น
11. สระน้ำหรือบ่อน้ำเสริมความร่มเย็น
สระว่ายน้ำเป็นตัวแทนของธาตุน้ำ สร้างความร่มเย็น สดชื่น เสริมความมั่งคั่งร่ำรวย โดยหากวางในตำแหน่งที่อยู่ใกล้บ้านและอยู่ในทิศทางลมที่เหมาะสม เมื่อเวลาลมพัดผ่านจะพาความเย็นจากน้ำในสระเข้าสู่ตัวบ้าน ช่วยลดความร้อน ทำให้เกิดความเย็นสบายในการอยู่อาศัย
บ้านเดี่ยวที่มีสระน้ำหรือบ่อน้ำบริเวณหน้าบ้าน ถือเป็นทำเลดี ยิ่งถ้าเป็นบ้านที่ติดแม่น้ำลำคลอง จะยิ่งดีขึ้นไปใหญ่ แต่ถ้าหากเป็นคอนโดหรือบ้านที่ไม่มีแนะนำให้ตกแต่งบ้านด้วยน้ำพุหรือน้ำตกให้มีความเคลื่อนไหวของสายน้ำ เพราะสายน้ำนอกจากจะช่วยให้ความเย็น ความร่มรื่นให้กับบ้าน และช่วยให้เรารู้สึกสบายเวลาที่มองแล้ว ยังถือว่าเสริมในเรื่องความร่ำรวย ตามหลักฮวงจุ้ย เชื่อว่าสายน้ำจะนำพาโชคลาภ ความมั่งคั่ง ความเจริญมายังผู้อยู่อาศัยด้วย
สรุป
บ้านที่มีสระว่ายน้ำหรือบ่อน้ำหน้าบ้าน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งติดหรือใกล้แม่น้ำคูคลองยิ่งดีเข้าไปอีก แต่ถ้าหากคุณพักอาศัยอยู่ในคอนโดแนะนำให้ตกแต่งด้วยน้ำพุ ให้มีการเคลื่อนไหวของสายน้ำ จะช่วยให้ความร่มเย็นแก่บ้าน ทำให้รู้สึกสบายตาเวลาที่มอง และตามหลักฮวงจุ้ยแล้วถือว่าส่งเสริมเรื่องความร่ำรวย สายน้ำจะนำพาโชคลาภ ความมั่งคั่ง ความเจริญมาแก่ผู้อยู่อาศัยด้วย
12. มีพื้นที่ว่างหลังบ้าน ห้ามสร้างด้านหลังจนชิดพื้นที่
บ้านดีตามหลักฮวงจุ้ยไม่นิยมสร้างตัวบ้านชิดกำแพง แต่จะเว้นพื้นที่ว่างหลังบ้านให้มีระยะห่างจากรั้วทำให้กระแสลมและอากาศไหลเวียนสะดวก เสริมให้การอยู่อาศัยเป็นไปอย่างสบาย ไม่รู้สึกอึดอัด โชคลาภหมุนเวียนไหลเข้าบ้านไม่ขาด
เพราะกฎพื้นฐานของฮวงจุ้ยบ้านที่ดีคือลมต้องพัดเข้าและมีอากาศถ่ายเทได้ และบางองศาทิศทางเมื่อคำนวณแล้วพบว่าทางด้านหลังบ้านก็เป็นกระแสโชคหลักได้เช่นกัน แต่ถ้าต่อเติมจนติดขอบด้านหลังบ้านและไม่มีทางระบายลมออก จะทำให้พลังงานไหลเวียนมาเลี้ยงส่วนหลังบ้านไม่ถึง ฉะนั้นถ้าจำเป็นต้องต่อเติมควรมีช่องระบายอากาศด้วย
13.ประตูหน้าบ้านเรียกทรัพย์
ประตูหน้าบ้านนับว่าเป็นต้นทางของความร่ำรวย เพราะฉะนั้นควรจะต้องเปิด – ปิดสะดวก ดูแลให้สวยงามไม่ทรุดโทรม และควรอยู่ด้านซ้ายมือของบ้าน จะช่วยส่งเสริมโชคลาภและเรียกเงินทองเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาไม่ควรจะเจอกับบันได หรือตรงกับประตูหลังบ้าน ไม่เช่นนั้นยิ่งทำงานหนัก เงินทองก็จะยิ่งรั่วไหล แต่ถ้าบ้านไหนที่เมื่อเปิดประตูมาแล้วเจอกับบันไดหรือตรงกับประตูหลังบ้านพอดี ลองหาฉากกั้นมาวางคั่นไว้ก็ได้
14.รั้วบ้านกักเก็บทรัพย์
แม้บ้านเดี่ยวสมัยนี้จะนิยมสร้างรั้วแบบโปร่งเพื่ออวดความสวยงามของบ้าน แต่นับว่าเป็นเรื่องที่ผิด เพราะรั้วบ้านที่โปร่งและเตี้ยจนเกินไป จะทำให้กักเก็บโชคลาภไม่อยู่ แต่หากต้องการสร้าง ให้สร้างเฉพาะด้านหน้า ส่วนด้านอื่นๆ อาจจะปลูกต้นไม้บังตา ตามแนวรั้วเอาไว้ โดยอาจจะเลือกต้นไม้มงคล เช่น ต้นไผ่ ต้นเข็ม ฯลฯ มาปลูกก็สวยไม่น้อย
15. ไม่มีส่วนเว้าแหว่ง มีซอกหลืบให้น้อยๆ
บ้านที่เว้าแหว่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพของคนในบ้าน โดยถ้ามองออกไปด้านหน้าบ้านแล้วฝั่งซ้ายหรือที่เรียกว่าฝั่ง “มังกรเขียว” เว้าแหว่ง ผลเสียก็จะเกิดขึ้นกับฝ่ายชาย แต่ถ้าเว้าแหว่งทางขวาที่เรียกว่าฝั่ง “เสือขาว” จะเสียหายกับผู้หญิงในบ้าน ส่วนบ้านที่มีซอกหลืบมากๆ พลังของแต่ละห้องก็จะบิดเบี้ยวไม่สมดุลคล้ายมีดอีโต้ ไม่เป็นผลดีต่อผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังเปลืองเนื้อที่โดยเปล่าประโยชน์และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ยากอีกด้วย
16. พื้นที่รอบๆ บ้านทำสโลปเทเข้า
เป็นวิธีชักนำกระแสพลังจากผิวดินมาสู่ตัวบ้าน เพราะอากาศก็มีน้ำหนักเทจากสูงลงต่ำ หรือฝนตกลงมาก็สามารถชักนำกระแสน้ำจากสายฝนวิ่งเข้าหาตัวบ้านได้ด้วย ถ้าทำแบบนั้นไม่ได้อย่างน้อยๆ ก็ไม่ควรทำสโลปด้านหน้าบ้านในลักษณะที่เทออกนอกตัวอาคาร ซึ่งในภาษาฮวงจุ้ยเรียกกันว่า “เหม่งตึ๊ง” หรือโถงสว่าง ซึ่งหมายถึงสถานที่สะสมเงินทองนั่นเอง
17. โครงสร้างแข็งแรงมั่นคง
งานการออกแบบบ้านต้องให้ความรู้สึกที่มั่นคง โครงสร้างบ้านมีผลทางฮวงจุ้ยในเรื่องของสุขภาพของกระดูกและโครงสร้างกระดูกของคนในบ้าน งานออกแบบที่มั่นคงและสมดุลช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรค เช่น โรคกระดูกและอัมพฤกษ์ อัมพาต
18. ประตู – หน้าต่างสามารถรับลมได้เต็มที่
ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ลมจะพัดมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้เป็นหลัก การออกแบบหน้าต่างหันไปกับทิศดังกล่าว ทำให้สามารถรับลมซึ่งเป็นโชคของบ้านได้อย่างเต็มที่
19. ฮวงจุ้ยบ้านชั้นเดียว
สำหรับบ้านชั้นเดียว ควรจัดในที่โล่ง ไม่ควรอยู่ใกล้บ้านที่มีสองชั้นหรือเคียงข้างตึกสูง เพราะบังทิศทางลม บ้านจะร้อนอับชื้น ศาสตร์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าจะทำให้คนในครอบครัวเกิดอาการเจ็บป่วยได้ สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะสร้างบ้านชั้นเดียว อย่างน้อยควรหาพื้นที่เป็นเนินในการสร้างบ้าน ควรหันหน้าบ้านไปทางทิศใต้เป็นทิศดีที่สุด ทำให้เกิดความรุ่งเรือง ความเจริญก้าวหน้า
20. ฮวงจุ้ยน้ำพุ
ใครอยากรวยต้องมีน้ำพุ ตามความเชื่อที่สั่งสมกันมา อยากจะมีน้ำพุก็มีได้ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่พื้นที่ในการวางสำคัญมาก ไม่ควรวางน้ำพุไว้ในห้องนอน ห้องครัว ข้างบันได หรือขวามือของประตูบ้าน ควรจัดวางทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนขนาดของน้ำพุเล็กใหญ่ไม่สำคัญ แต่ตัวบ่อห้ามตื้นจนเกินไป เพราะเชื่อว่าจะเก็บเงินไม่อยู่ มีโอกาสการเงินติดขัด และที่สำคัญต้องเปลี่ยนน้ำในบ่อให้ใสสะอาดอยู่เสมอ
อ่านเพิ่มเติม กด >> ฮวงจุ้ยที่ดิน ลักษณะที่ดินมงคล
จากครอบครัวช่างผู้รับเหมาก่อสร้าง ใช้วัสดุคุณภาพสูง งบไม่บานปลาย เสร็จตามเวลา ช่างไม่ทิ้งงาน วางใจถึงหลังส่งมอบ มีประกันงาน บริการสร้างบ้าน รับออกแบบบ้านสวยๆ ทุกสไตล์ บ้านชั้นเดียว บ้านสองชั้น ขนาดเล็กและใหญ่ ราคาเหมาะสม ตามงบประมาณ กับ TAMPBUILDER(แทมป์บิวเดอร์) บริษัทรับสร้างบ้าน
ฮวงจุ้ยบ้าน ที่ดีภายในตัวบ้าน
ฮวงจุ้ยบ้าน ที่ดีภายในตัวบ้าน ควรมีลักษณะ 18 ประการ ดังต่อไปนี้
1. หน้าบ้านเปิดโล่ง โปร่งสบาย
ตามหลักของศาสตร์ฮวงจุ้ยแล้ว ประตูหน้าบ้านเปรียบเสมือนที่ที่คอยเปิดรับพลังดี ๆ เข้าสู่ตัวบ้าน โดยเฉพาะเรื่องของโชคลาภ ดังนั้นไม่ควรวางของระเกะระกะ หรือทำให้ดูรก แต่หากจำเป็นต้องวางของจริง ๆ ก็ควรที่จะวางให้อยู่ด้านใดด้านหนึ่ง หรือมีตู้เก็บมิดชิดไม่ให้กีดขวางประตู
และที่สำคัญอีกประการคือ อย่าให้สิ่งของเหล่านั้นอยู่เหนือลม เพราะลมจะพัดพากลิ่นไม่พึงประสงค์เข้าบ้านได้ ซึ่งตามศาสตร์การจัดบ้านตามหลังฮวงจุ้ยแล้วถือว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดี
2. ประตูเข้าบ้าน
ประตูบ้านที่ดีต้องสะอาด แข็งแรง มีคุณภาพ และประตูทางเข้าบ้านที่ดีนั้น ไม่ควรตรงกับประตูบานอื่นภายในบ้าน รวมถึงประตูหน้าต่างบานใหญ่ อีกทั้งไม่ควรหันชนกับประตูตู้ ประตูห้องน้ำ และบันได อย่างต่ำ ควรอยู่ห่างจากผนังและบันไดอย่างน้อย 2 – 3 ฟุต โดยเฉพาะไม่ควรตรงกับประตูห้องน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานดี ๆ ถูกพัดผ่านออกไป
นอกจากนี้เนื่องจากตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ประตูเป็นด่านแรกในการต้อนรับพลังงานเข้าบ้าน ยิ่งประตูสะอาด แข็งแรง และมีคุณภาพดีมากเท่าไร ก็ยิ่งสื่อถึงพลังงานดี ๆ ที่จะเข้ามามากเท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วควรใช้ประตูที่มีโทนสีสว่าง นอกจากนี้ลักษณะประตูดีควรต้องเป็นประตูที่เปิดเข้ามาข้างในบ้าน ไม่ใช่เปิดออก เพราะประตูแบบนี้จะเหมือนเป็นการนำพาพลังงานดี ๆ เข้าสู่บ้าน รวมถึงถ้าสร้างประตูไว้ด้านซ้ายมือของบ้าน ก็จะช่วยให้มีโชคลาภเข้ามามากขึ้นด้วย
ประตูหน้าบ้านตรงกับประตูหลังบ้าน ตามความเชื่อกล่าวว่า เจ้าบ้านจะเก็บเงินไม่อยู่ เงินไหลมาก็พร้อมไหลออก จะรื้อบ้านก็ใช่ว่าจะทำได้อย่างใจคิด วิธีแก้ง่ายๆ ก็แค่นำฉากหรือตู้ขนาดใหญ่มาวางกั้นระหว่างประตูหน้าและหลัง บดบังทิศทางเงินไหลออก ได้แต่งบ้านด้วยแถมได้ผลเรื่องฮวงจุ้ยด้วย
สรุป
ประตู หน้าบ้านเปิดรับทรัพย์
ประตูบ้านที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย : ควรเปิดในระยะ 45 องศา และต้องไม่มีต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณาหรือเหลี่ยมมุมตึกทิ่มแทงเข้าสู่ตัวประตูบ้าน ว่ากันว่าการที่ประตูเปิดออกมากไปจะทำให้เงินทองรั่วไหล และถ้ามีสิ่งกีดขวางทางประตูก็จะทำให้เงินทองติดขัด ใช้ชีวิตได้ไม่ราบรื่นค่ะ
ตำแหน่งประตูหน้าบ้าน : ไม่ควรตรงกับประตูหลังบ้าน เชื่อว่าจะทำให้เงินทองรั่วไหล เก็บเงินไม่อยู่ หากประตูทั้งสองบานตรงกัน วิธีแก้ไขให้หาเฟอร์นิเจอร์เช่นตู้หรือโต๊ะคั่นระหว่างกลาง หรือหาฉากกั้นมาบังไม่ให้ตรงกันก็ได้
3. ห้องรับแขก
เนื่องจากเป็นจุดศูนย์รวมของบ้านจึงเปรียบเสมือนห้องเก็บโชคลาภ ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วห้องรับแขกที่ดี ไม่ควรมี ฉากมาตั้งกั้นไว้ตรงประตูทางเข้า นอกจากจะเป็นการสกัดการไหลเวียนของกระแสโชคลาภแล้ว ยังหมายถึงการเก็บเงินไม่อยู่ เกะกะและไม่สวยงามอีกด้วย ส่วนเฟอร์นิเจอร์อย่างเช่นโซฟาหรือชุดรับแขกควรจะวางไปในทิศทางเดียวกันกับตู้โชว์ โดยอาศัยหลักการที่ว่า เจ้าของบ้านขาดธาตุใดหรืออยากเสริมธาตุใด ก็ควรที่จะวางโซฟาไปในทิศทางนั้น ๆ เนื่องจากการจัดวางตู้โชว์และโซฟาเปรียบเสมือนภูเขาที่รับลมจากน้ำซึ่ง เป็นพลังหยิน ที่จะช่วยเสริมบารมีให้แก่เจ้าของบ้านนั่นเอง นอกจากนี้ทิศของห้องรับแขกกับสีสันที่ใช้ก็มีผลในศาสตร์ฮวงจุ้ยเช่นกัน
ทิศตะวันออก : เป็นทิศของการต่อสู้เพื่อครอบครัว ดังนั้นสีของเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟาหรือชุดรับแขก ควรเป็นการผสมผสานสีดำ ฟ้า น้ำเงินคราม ชมพู เขียวและแดง รูปทรงของเฟอร์นิเจอร์ควรเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า จัดให้กลมกลืนกับห้องรับแขก จะช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองให้กับครอบครัวได้มากขึ้น
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : เป็นทิศของความมั่งคั่งร่ำรวย เนื่องจากพื้นที่ทิศนี้เป็นธาตุไม้ ดังนั้นควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากวัสดุไม้มาตกแต่ง และควรใช้โทนสีเขียว ฟ้า ดำ คราม เป็นองค์ประกอบให้เกิดความสมดุลสวยงาม และควรมีโต๊ะกาแฟซึ่งเป็นองค์ประกอบของธาตุไฟ เอาไว้เป็นของตกแต่งฮวงจุ้ยเพื่อสร้างบรรยากาศด้วย
ทิศใต้ : เป็นพื้นที่ของพลังอำนาจ ชื่อเสียง ยศฐาบรรดาศักดิ์และการยอมรับ เนื่องจากเป็นพื้นที่ธาตุไฟ ดังนั้นควรเลือกของตกแต่งฮวงจุ้ยที่มีทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยใช้สีน้ำตาล เขียว ชมพู เป็นหลัก ไฟในห้องรับแขกควรใช้สี Warmlight ให้ดูอบอุ่น หรือใช้พรมสีน้ำตาลในการตกแต่ง ที่สำคัญควรจัดให้ดูโล่ง โปร่งสบาย รับกระแสลมของความมงคลตามการจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ : เป็นพื้นที่ของความรัก ความสัมพันธ์ ชีวิตสมรสและครอบครัว ชุดรับแขกและเฟอร์นิเจอร์ควรจัดให้ดูสดใสในสไตล์โมเดิร์น และใช้ไฟในห้องที่มีสี Earth Tone เพื่อให้มีความกระปรี้กระเปร่า และอาจแทรกด้วยของตกแต่งตามหลักฮวงจุ้ย ที่มีสีชมพู เพื่อกระตุ้นความรักและสร้างความสุขในครอบครัว
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : เป็นมุมแห่งการอุปถัมภ์ ค้ำชู ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ในมุมนี้ตามหลักจัดบ้านตามฮวงจุ้ย ควรที่จะติดกระจก และเลือกชุดรับแขกหรือของตกแต่งต่าง ๆ ที่มีสีน้ำตาล จะส่งผลดีต่อครอบครัวที่สุด
ทิศตะวันตก : มุมแห่งความหวัง อนาคตและความลับ ดังนั้นในห้องรับแขกจึงควรใช้สีเทาอ่อน และใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีวัสดุมาจากโลหะหรือสแตนเลส แต่เนื่องจากเป็นทิศที่รับความร้อนเป็นอย่างมาก ควรที่จะหาของตกแต่งฮวงจุ้ยอย่างตู้ปลาเอามาตั้งไว้ จะช่วยให้ดูเย็นขึ้น
ทิศเหนือ : เป็นพื้นที่ส่งเสริมในด้านการงานอาชีพ ทิศนี้ควรใช้สีขาวและฟ้า ผสมผสานให้ลงตัว และเสริมด้วยต้นไม้สีเขียวให้ดูสบายตา พร้อมกับใช้ไฟโทนสว่างเย็นอย่างโทนสีขาว ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : เป็นมุมแห่งการเรียนรู้ การศึกษา และพัฒนาชีวิต เพราะบริเวณนี้เป็นธาตุดิน ดังนั้นการจัดพื้นที่ในห้องรับแขกควรจัดสไตล์โมเดิร์น โดยใช้สี Warmlight หรือแนว Earth Tone ข้าวของเครื่องใช้ เพราะจะส่งผลดีต่อเรื่องการเรียนการศึกษา และหากมีของตกแต่งฮวงจุ้ยอย่างชั้นวางหนังสือด้วยแล้ว จะยิ่งส่งเสริมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สรุป
ตำแหน่งนี้ถือได้ว่ามีอิทธิพลกับการใช้ชีวิต โดยตำแหน่งที่ดีมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตำแหน่งของความรักและการแต่งงาน ส่วนที่สองคือบริเวณทิศตะวันตก เป็นตำแหน่งของเด็ก ๆ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมกับการรวมตัวของคนในครอบครัว
5. ห้องน้ำ ห้องซักล้าง ตู้เสื้อผ้า
ส่วนแรกห้องน้ำ : ถ้าหมั่นรักษาดูแลห้องน้ำสะอาด นอกจากจะทำให้คนในบ้านมีสุขอนามัยที่ดี ลดการเกิดโรคจากสารพัดเชื้อโรคได้แล้ว ทางฮวงจุ้ยยังถือว่าห้องน้ำที่สะอาดอยู่เสมอและมีลักษณะที่ดี กล่าวคือห้องไม่ควรตรงข้ามกับประตูทางเข้า กลางบ้าน ซึ่งถือเป็นตำแหน่งของการเงิน ความรัก และความสัมพันธ์ และ ไม่ตั้งใกล้ห้องครัว ก็จะทำนำพาพลังดี ๆ เข้ามาในบ้าน ที่จะส่งผลทำให้บ้านร่มเย็นเป็นสุข
สำหรับการวางฮวงจุ้ยของห้องน้ำ ไม่ควรตั้งส้วมอยู่กลางบ้าน ตามความเชื่อจะทำให้เกิดความแตกแยกกันในครอบครัว โชคลาภหายไป ไม่สามารถเก็บเงินทองอยู่ได้ และอีกอย่างคือ ห้องน้ำเกิดมลพิษได้ง่าย เมื่ออยู่กลางบ้านก็จะทำให้การระบายอากาศไม่ดี ควรจัดห้องน้ำให้อยู่ทางทิศตะวันออก เพราะถือว่าเป็นทิศทางวางตำแหน่งที่ดี จะทำให้คนภายในบ้านประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี และไม่ควรจัดวางทางทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้
ส่วนที่สองห้องซักล้าง : ไม่ควรอยู่ตรงกับห้องนอนหรือประตูทางเข้าบ้าน
ส่วนที่สามตู้เสื้อผ้า : ไม่ควรมีตู้เก็บของขนาดใหญ่อยู่ใกล้กับห้องนอน
6. ห้องครัว
ห้องครัวคือแหล่งพลังงานสำคัญของบ้านเลยก็ว่าได้ ซึ่งส่งผลทางด้านสุขภาพ บารมี และเงินทองโชคลาภโดยตรง ดังนั้นวิธีจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีคือ ทิศทางตำแหน่งของเตาไฟในห้องครัว ควรหันออกไปทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคล และเลี่ยงการตั้งตำแหน่งเตาให้ตรงกับเครื่องซักผ้าและประตู เนื่องจากตามหลักจัดบ้านตามฮวงจุ้ยแล้ว จะทำให้เงินทองหดหายยากจนลง เพราะเตาไฟในห้องครัวถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มพลังงานบวกลงไปในอาหาร หากรับประทานเข้าไปจะทำให้ชีวิตดีขึ้นนั่นเอง
ห้องครัวเป็นห้องที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพและธาตุไฟ เราไม่ควรสร้างห้องครัวไว้ใกล้กับหน้าบ้านหรือประตูบ้าน โดยตำแหน่งห้องครัวที่ดีที่สุดคือ บริเวณหลังบ้าน และเพื่อไม่ให้ธาตุไฟและธาตุน้ำในครัวตีกัน ควรแยกวางตู้เย็น ซิงค์ และเตาเอาไว้ในมุมต่าง ๆ ของห้อง โดยให้ระดับของห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องทานอาหาร สามารถอยู่ในระนาบเดียวกันได้ แต่ห้ามสร้างห้องครัวติดกับห้องนอนเด็ดขาด เพราะจะทำให้ร้อนและมีสุขภาพไม่ดี อีกทั้งควรระวังอย่าให้มีขื่อพาดอยู่ในห้องครัว เพราะจะนำมาซึ่งความเจ็บป่วยมาให้คนในบ้าน
สำหรับห้องครัวนั้นเปรียบเสมือนความอุดมสมบูรณ์และสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นแล้วการวางตำแหน่งห้องครัว ควรจะอยู่ในมุมที่สะอาดหรือทำความสะอาดง่าย ไม่ควรอยู่บริเวณทางเข้าบ้าน เพราะจะถือว่าเป็นการแย่งโชคลาภ สำหรับห้องครัวนั้นควรจัดอยู่ทางทิศใต้หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ และที่สำคัญไม่อยู่ติดห้องน้ำ เหตุผลบอกไปแล้วในข้างต้น
สรุป
ตามหลักของฮวงจุ้ยแล้ว การมีห้องครัวที่ดีจะนำมาซึ่งสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีด้วย ซึ่งลักษณะของตำแหน่งที่ไม่ควรทำห้องครัวคือ บริเวณที่ใกล้กับประตูทางเข้าบ้าน ที่จะเห็นเป็นห้องแรกเมื่อเข้ามาในบ้าน ไม่ควรอยู่ใต้ห้องน้ำและหันชนกับห้องน้ำ ไม่ควรอยู่ใกล้บันได แต่จุดที่ดีคือ ใกล้ห้องซักล้างและโรงรถ ทั้งนี้ส่วนของที่จุดเตาไฟ ให้ยึดหลักว่าเมื่อทำอาหารไม่ควรหันหลังให้ประตู
7. วางเตาให้ถูกที่
เตาไฟเป็นเครื่องมือในการเติมพลังงานให้กับมนุษย์ เตาจึงเป็นจุดกำเนิดพลังงานภายในบ้านที่สำคัญและควรวางให้ถูกตำแหน่งตามหลักฮวงจุ้ย โดยหลักการของการวางเตาในบ้านมี 4 ข้อ คือ
a. ตำแหน่งเตาไม่ควรตรงกับห้องนอน
b. หน้าเตาไม่ควรตรงกับตำแหน่งเตียงนอน
c. หน้าเตาไม่ควรตรงกับตำแหน่งตู้เย็นหรือซิงค์ล้างจาน
d. หัวเตาควรหันไปทางทิศใต้หรือทิศตะวันออก
8. ห้องนอน
ห้องนอนควรจะสงบ ปลอดภัย ไร้เสียงรบกวน และจะให้ดีควรหันหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นจึงไม่ควรสร้างห้องนอนบนโรงรถ ห้องทำงาน และห้องครัว แต่ควรจะตั้งอยู่เหนือห้องกินข้าวหรือห้องนั่งเล่นแทน ส่วนประตูห้องนอนไม่ควรสร้างตรงกับหน้าต่าง ประตูห้องน้ำ และประตูห้องอื่น ๆ เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ รวมถึงไม่ควรสร้างประตูห้องนอนตรงกับบันไดทางผีผ่าน อีกทั้งหากใครคิดจะสร้างห้องนอนไว้ชั้นล่าง ควรเลือกสร้างในบริเวณที่พื้นที่ข้างบนไม่ตรงกับห้องน้ำ
ห้องนอน คือ ที่พักผ่อนของทุกคนในบ้าน ดังนั้นการวางตำแหน่งเตียงนอน ก็มีส่วนช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจได้ถึงโชคลาภและโอกาสที่จะส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ โดยทิศทางการวางเตียงนอนก็มีอิทธิพลที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ทิศเหนือ : ช่วยในเรื่องการพัฒนาการเรียนรู้
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : เหมาะกับอาชีพหรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับการค้นคว้าทดลอง
ทิศตะวันออก : ช่วยให้การนอนหลับสบาย
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : ช่วยในเรื่องการมีความเพียรพยายามในการทำงาน
ทิศใต้ : ช่วยส่งเสริมให้มีชื่อเสียง เกียรติยศ
ทิศตะวันตก : ช่วยให้มีลูกที่ดี
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : ช่วยส่งเสริมให้มีบริวาร เพื่อนฝูงมากมาย
หลักการในการวางเตียงนอนในบ้าน
หลักการในการวางเตียงนอนในบ้าน ประกอบไปด้วยอะไร
ฮวงจุ้ยห้องนอนเป็นเรื่องสำคัญมาก ด้วยความที่ห้องนอนเป็นที่พักผ่อนหลับนอน หากจัดวางเตียงนอนหรือทิศทางของห้องนอนไม่ถูกต้อง จะส่งผลเสียกับสุขภาพเราโดยตรง มาดูกันดีกว่าว่าหลักการวางเตียงที่ดี มีอะไรบ้าง
a. ห้องนอนห้ามอยู่ตรงกับห้องน้ำหรือบันได : ด้านความเชื่อห้องน้ำมีพลังงานด้านลบ หากอยู่ตรงกับห้องนอนจะพบแต่สิ่งไม่ดี และอยู่ตรงกับบันไดเชื่อว่าทำให้เงินทองรั่วไหล ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นการรบกวนการนอน ทั้งในเรื่องกลิ่นของห้องน้ำและคนรบกวน
b. ไม่ควรวางเตียงนอนกลางห้องนอน : ตำแหน่งเตียงที่ดีควรอยู่ชิดกับผนัง และควรเว้นที่ว่างสองข้างให้เท่ากัน เพื่อความสมดุล
c. ไม่ควรวางเตียงนอนกลางประตูห้องนอนโดยตรง : จะทำให้ถูกรบกวนได้ง่าย
d. หัวเตียงควรหันเข้าหากำแพงโดยตรง : ไม่ควรตั้งลอย ๆ กลางห้อง หรือชนกับหน้าต่าง เพราะเวลาที่เราหลับพลังงานจะอ่อนแอ ผนังที่แข็งแรงจะช่วยป้องกันและส่งเสริมพลังให้แก่เราได้
e. หัวเตียงไม่ควรผิงผนังด้านที่ติดประตูห้องนอนหรือห้องน้ำ : เชื่อว่าจะรับเอาพลังงานที่ไม่ดีเข้ามาสู่ตัว
f. หัวเตียงไม่ควรผิงผนังด้านที่ติดหน้าต่าง : ด้านความเชื่อจะทำให้รับพลังงานด้านลบจากด้านนอกเข้ามา ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้หาผ้าม่านหน้าต่างดี ๆ มาติดตั้ง ส่วนการใช้งานจริงจะทำให้นอนหลับไม่สบายเอาได้
นอกจากเตียงนอนและทิศทางการวาง ที่จะส่งเสริมในเรื่องต่าง ๆ แล้ว ทิศทางของโต๊ะทำงานในห้องนอน ก็มีส่วนช่วยเสริมดวง ตามหลักการจัดบ้านตามฮวงจุ้ยอีกด้วย เพราะทิศทางการวางโต๊ะทำงาน จะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนั่นเอง โดยทิศทางการวางแบ่งได้ตามธาตุของบุคคลนั้น ๆ ดังนี้
ธาตุไม้ : ควรนั่งหันหน้าไปยังทางทิศตะวันออก
ธาตุไฟ : ควรนั่งหันหน้าไปยังทิศใต้
ธาตุดิน : ควรนั่งหันหน้าไปยังทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ธาตุทอง : ควรนั่งหันหน้าไปยังทิศตะวันตก
สรุป
ห้องนอนเป็นส่วนที่สำคัญมากในบ้าน เพราะห้องนอนต้องการพลังที่สงบ เพื่อสนับสนุนการนอนและ ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเพศ ตำแหน่งที่ดีของห้องนอนควรอยู่ในพื้นที่ ที่สงบหรือมีความสมบูรณ์ของกิจกรรม เช่น การอยู่เหนือบริเวณที่อ่านหนังสือ เหนือห้องรับประทานอาหาร หรืออาจจะเป็นบริเวณข้างหลังบ้าน เพื่อไม่ให้มีพลังของการจราจร ที่เป็นความสับสนวุ่นวายเข้ามา และอีกตำแหน่งที่ไม่ดีคือ เหนือโรงครัวและออฟฟิศ อีกทั้งในห้องนอนไม่ควรมีหน้าต่างบานใหญ่ ที่ตรงกับประตูห้องนอน และเตียงไม่ควรอยู่ใต้หน้าต่าง แต่หัวเตียงควรพิงกับผนัง
9. ประตูกับหน้าต่าง
เนื่องจากลมสามารถเข้า – ออกบ้านได้ทางประตูและหน้าต่าง พลังงานที่ดีก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้นเราควรจัดสมดุลของการติดตั้งประตูและหน้าต่างให้ดี โดยประตูแต่ละห้องไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป ส่วนหน้าต่างก็ควรให้อยู่ในระดับกึ่งกลางของผนังบ้านไม่สูงและไม่ต่ำจนเกือบชิดพื้น เพื่อรักษาพลังชี่ (Chi) เอาไว้ ส่วนหลังบ้านจะต้องไม่มีประตูและหน้าต่างเยอะเกินความจำเป็นเพราะจะทำให้พลังงานชี่อ่อนตัวลง
ที่ติดตั้งประตูและหน้าต่างก็มีส่วนสำคัญทั้งสิ้น โดยเป็นช่องทางของแสงและพลังงานที่จะไหวเวียนเข้าออกผ่านทางประตู ดังนั้นหน้าต่างและประตูทุกจุด ทุกบานจะมีความสัมพันธ์กัน ซึ่งหลักๆแล้วหน้าต่างทุกบานไม่ควรอยู่ใกล้กันจนเกินไป
เมื่อเปิดหน้าต่างออกมาแล้ว บานประตูแต่ละบานต้องไม่ชนกัน และควรมีพื้นที่รอบ ๆ เป็นของตัวเอง จุดที่ควรระวังเลยคือ อย่าให้บานหน้าต่างตรงกับประตูทางเข้าบ้าน หรือหน้าต่างบานสูงใหญ่ อีกทั้งการมีหน้าต่างในบ้านหลายบาน จะทำให้พลังงานในบ้านยิ่งอ่อนแอลง
10. บันได
บันไดบ้านที่ดีควรอยู่ชิดติดด้านใดด้านหนึ่งของตัวบ้าน เพราะจะช่วยเสริมเรื่องโชคลาภให้ดีขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงการสร้างห้องน้ำไว้ใต้บันไดบ้าน รวมถึงควรสร้างขั้นบันไดให้มีจำนวนเป็นเลขคี่ เพราะในจีนเลขคี่สื่อถึงคนเป็น (เลขคู่สื่อถึงคนตาย) และที่สำคัญห้ามให้บันไดอยู่ตรงกับประตูเข้าบ้าน เพราะจะเปรียบเหมือนการเปิดรับพลังไม่ดีให้ขึ้นบันไดไปสู่ห้องนอนในชั้นด้านบนได้ง่าย อีกทั้งยังอาจนำมาซึ่งปัญหาการเงินด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น แต่เรายังไม่ควรสร้างบันไดไว้กลางบ้านด้วย เพราะจริง ๆ แล้วพื้นที่บริเวณกลางบ้านควรเป็นที่ว่าง และยังเชื่อกันว่าหากวางบันไดไว้กลางบ้านอาจทำให้ผู้อยู่อาศัยมีปัญหาเกี่ยวโรคหัวใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าบันไดที่สร้างไว้กลางบ้านเป็นบันไดวน อาจนำไปสู่ชีวิตที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เพราะบันไดวนเปรียบเหมือนการที่พลังงานหมุนวนอยู่กับที่ไม่ถ่ายเทไปจุดอื่นนั่นเอง
นอกจากนี้สำหรับคนไทยเราแล้วควรหลีกเลี่ยงการทำบันไดที่มีทางขึ้นสองฝั่ง เพราะจะไปคล้ายกับเมรุเผาศพ ซึ่งถือเป็นอัปมงคลมาก ๆ แล้วก็ไม่ควรสร้างบันไดไว้บริเวณนอกบ้านด้วย
สรุป
บันใดเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งของบ้าน ที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งมี 3 ตำแหน่งหลัก ๆ ที่ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่ดี
ส่วนแรก คือ บริเวณกลางบ้านหรือสำนักงาน เพราะพลังงานบริเวณกึ่งกลางบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งถือเป็นหัวใจของบ้าน การทำบันใดตรงตำแหน่งนี้จะทำให้มีพลังงานขึ้นลงมาขัดขวาง
ส่วนที่สอง คือ ตำแหน่งถัดจากประตูเข้าบ้าน เพราะขัดขวางพลังซี่ ทำให้เกิดความเร่งรีบ ทำอะไรไม่สำเร็จ ไม่มีความมั่นคง และ
ส่วนที่สาม คือ ทางด้านทิศตะวันออกที่เป็นตำแหน่งของสุขภาพ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่เป็นตำแหน่งของความรัก และทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นตำแหน่งของเงินทอง
บันได แข็งแรง มั่นคงนำ
บันไดที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย : ไม่ควรมีตำแหน่งที่กลางบ้าน เชื่อว่าจะทำให้เจ้าบ้านอยู่ไม่ติดบ้าน ไม่ควรมีทางขึ้น-ลงสองฝั่ง ดูคล้ายเมรุเป็นสิ่งไม่ดี และบันไดต้องลงด้วยเลขคี่ บันไดถือว่าเป็นตัวเชื่อมโยงพลังงานดีระหว่างตัวบ้านในแต่ละชั้น ควรให้ความสำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นเลย
บันไดต้องเหยียบได้เต็มฝ่าเท้า : ความชันของบันไดจะต้องอยู่ที่ประมาณ 45 องศา และใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง เพราะบ่งบอกว่าบ้านนั้นมีความแข็งแรงมั่นคง เดินสะดวกและไม่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุด้วย
11. ฝ้าเพดานสูงๆ
เนื่องจากฝ้าเพดานยิ่งสูงยิ่งทำให้มีเนื้ออากาศเข้ามามาก เกิดความเย็นสบาย ปลอดโปร่ง โดยเฉพาะบ้านชั้นเดียวฝ้าเพดานสูงๆ เป็นเรื่องจำเป็นมาก ไม่เช่นนั้นบ้านจะร้อนมาก เพราะหลังคาจะต้องอมความร้อนอยู่ตลอดทั้งวัน สำหรับความสูงควรสูงเท่าไรจึงเหมาะสม ขอตอบว่ายิ่งสูงยิ่งดี หรืออย่างน้อยควรมากกว่า 2.7 เมตร
12. ของแต่งบ้านฮวงจุ้ย
การเลือกของตกแต่งบ้านฮวงจุ้ย เข้ามาอยู่ในบ้าน จะช่วยเสริมในเรื่องต่าง ๆ ให้กับชีวิตของคนในครอบครัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยเรือสำเภาและเรือรูปทรงอื่น ๆ เพราะเรือสำเภาเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและการเดินทาง ดังนั้นการจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ยนี้ จะช่วยให้มีโอกาสเดินทางและมีเงินทองมั่งคั่งสมบูรณ์
โดยตำแหน่งที่ดีในการตั้งก็คือ ห้องรับแขก โดยหันหัวเรือเข้าในบ้านและบนเรือควรประดับตกแต่งด้วยเงินตราของจีน เงินไทย เพชรพลอย เปรียบเสมือนเรือได้นำแก้วแหวน เงินทองมาให้เรา
13. จัดวางสิ่งของในบ้าน เสริมดวงตามหลักฮวงจุ้ย
ทิศเหนือ : เป็นทิศธาตุน้ำ ควรตกแต่งด้วยน้ำพุหรือวัตถุทรงโค้ง ทรงกลม วาว รูปคลื่น หรือใช้สีฟ้า น้ำเงิน เทา ดำ ขาว เงิน ทอง
และ ห้ามใช้สี เหลือง ส้ม ครีม น้ำตาล โอลด์โรส ตกแต่งบ้านเด็ดขาด
ทิศใต้ : เป็นทิศธาตุไฟ ควรประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ต้นไม้ หรือวัตถุทรงสูง ทรงกระบอก ทรงพีระมิด หรือใช้สีแดง ชมพู เขียว
และ ห้ามใช้ฟ้า น้ำเงิน เทา ดำ ตกแต่งบ้านเด็ดขาด
ทิศตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ : เป็นทิศธาตุไม้ ควรตกแต่งด้วยต้นไม้ น้ำพุ หรือวัตถุทรงสูง รูปทรงคลื่น หรือใช้สีเขียว ฟ้า น้ำเงิน เทา ดำ และ ห้ามใช้สีเงิน ทอง โลหะ ต่าง ๆ ตกแต่งบ้านในทิศนี้เด็ดขาด
ทิศตะวันตก และตะวันตกเฉียงเหนือ : เป็นทิศธาตุทอง ควรตกแต่งด้วยโลหะทรงกลม แวววาว เซรามิค เครื่องปั้นดินเผา หรือสีเงิน ทอง น้ำตาล ครีม เหลือง ส้ม โอลด์โรส ห้ามใช้สีแดง ชมพู ตกแต่งบ้านในทิศทางนี้โดยเด็ดขาด
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ : เป็นทิศธาตุดิน ควรตกแต่งด้วย เซรามิค เครื่องปั้นดินเผา หรือสีเหลือง ส้ม ครีม น้ำตาล โอลด์โรส แดง ชมพู ห้ามใช้สีเขียว ตกแต่งบ้านในทิศทางนี้โดยเด็ดขาด
14. ปรับเฟอร์นิเจอร์เสริมมิตร
ปรับเฟอร์นิเจอร์ออกห่างจากกำแพง : ควรจะจัดให้ล้อมวง หรือชิดกันเพื่อง่ายต่อการพูดคุยกัน ไม่ควรจัดชิดผนังทั้งหมดเพราะจะทำให้คนในบ้านรู้สึกอึดอัด ทั้งเรื่องความเชื่อและการใช้งานจริง ซึ่งการจัดที่นั่งให้ล้อมวงเข้าไว้ทำให้ความสัมพันธ์ภายในบ้านดีขึ้นด้วย
15. จัดบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ
พื้นฐานที่สำคัญของบ้านคือต้องจัดให้สะอาดอยู่เสมอ นอกจากนั้นอยากทำให้บ้านน่าอยู่ขึ้น ให้ลองเพิ่มต้นไม้หรือดอกไม้เข้าไปเพิ่ม ปรับพื้นที่ให้อากาศถ่ายเทสะดวก ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าไม้ดอกเป็นสิ่งดีจะนำรางวัลมาให้ หรือนำน้ำพุมาตกแต่งบ้าน เพราะน้ำพุถือว่าเป็นตัวแทนของความมั่งคั่งในหลักของฮวงจุ้ย ซึ่งช่วยสร้างพลังและความเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของเงินทอง
การจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล แต่ก็สามารถหยิบหลักการบางอย่าง มาปรับใช้กับตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งในบ้านของเราได้ โดยเฉพาะของแต่งบ้านฮวงจุ้ยต่าง ๆ เพราะจัดบ้านตามฮวงจุ้ยแต่ละครั้ง ก็มีเรื่องของงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ดังนั้นต้องคำนวณให้รอบคอบและตัดสินใจร่วมกันกับสมาชิกในบ้าน เพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัว
16. ของที่ไม่ดีออกจากตัวบ้าน
ใครที่ชอบเก็บของเก่าของเสียไม่ยอมทิ้ง บอกเลยว่าต้องตัดใจ เชื่อกันว่าของที่ชำรุด ขยะ อาวุธ ภาพวาดที่รุนแรง ล้วนเป็นสิ่งไม่ดีที่ส่งผลต่อผู้อยู่อาศัย การนำของที่ไม่ดีออกจากบ้านเปรียบเสมือนการนำพลังงานที่ไม่ดีออกไปด้วย ช่วยให้บ้านสะอาด เพิ่มพลังงานบวกได้เยอะด้วยนะ
17. หาตำแหน่งทรัพย์ของบ้าน
ตำแหน่งทรัพย์ หรือ ‘ไฉ่อุ่ย’ คือตำแหน่งสำหรับการกระตุ้นทรัพย์โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับการวางตู้เซฟ โต๊ะเก็บเงิน โต๊ะบัญชี เพื่อให้ทรัพย์ไหลมาเทมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับบ้านที่ประตูทางเข้าบ้านเปิดด้านขวามือ ตำแหน่งทรัพย์จะอยู่ที่มุมซ้ายของบ้าน ส่วนบ้านที่ประตูทางเข้าบ้านเปิดด้านซ้ายมือ ตำแหน่งทรัพย์จะอยู่ที่มุมขวาของบ้าน และบ้านที่ประตูทางเข้าบ้านเปิดออกที่สู่ตรงกลาง ตำแหน่งทรัพย์จะอยู่ที่ทั้งมุมซ้ายและมุมขวาของบ้าน
18. อย่าทำให้บ้านรก
บ้านที่รกรุงรังนอกจากจะไม่น่าอยู่อาศัยแล้ว ยังจะทำให้การไหลเวียนของพลังงานภายในบ้านไม่ดีอีกด้วย ซึ่งจะไปลดทอนพลังงานของผู้อยู่อาศัยด้วยอีกทางหนึ่ง คุณควรหมั่นจัดบ้านอยู่เสมอ เพราะบ้านที่สะอาดนอกจากจะช่วยเสริมพลังแล้ว ยังช่วยให้สุขอนามัยในบ้านดีขึ้นอีกด้วย
บริการเสริม บริษัทรับเหมาก่อสร้าง TAMPBUILDER
บริษัทรับเหมาก่อสร้างของเราทำแบบครบวงจร ONE STOP SERVICE
- บริการรับสร้างบ้านหรู (สนใจ กด >> รับสร้างบ้านหรู luxury โมเดิร์น)
- บริการรับออกแบบบ้าน เขียนแบบบ้านยื่นขออนุญาต (สนใจ กด >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน)
- บริการหาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา (สนใจ กด >> หาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา)
- บริการรับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา (สนใจ กด >> รับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา)
ช่วงเวลาใดที่ควรเราปรับ ฮวงจุ้ยบ้าน ?
หลายคนทราบวิธีปรับฮวงจุ้ยกันไปหลายบทความแล้ว ไม่ว่าจะบ้าน คอนโดฯ ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม ฯลฯ แล้วรู้มั้ยว่าเราควรจะปรับฮวงจุ้ยเมื่อไหร่กันนะ ไม่แน่ใจว่าเวลาไหนถึงจะเหมาะสม สำหรับมุมมองของซินแสเงื่อนไขการปรับฮวงจุ้ยนั้นประเมินได้ 3 เหตุการณ์ ดังนี้
1. เข้าไปอยู่ในสถานที่ใหม่
พูดง่ายๆ เลยก็คือเวลาเราซื้อบ้าน ที่ดิน หรืออาคารใหม่ หรือแม้แต่เป็นสถานที่เก่าแต่เราเข้าไปอยู่ใหม่ อย่างบ้านมือสอง แบบนี้ก็สามารถปรับฮวงจุ้ยได้เลย เพราะตามหลักฮวงจุ้ยมองว่า “อาคารบ้านเรือน” นั้นเป็น “หยิน” เท่ากับว่าไม่มีพลังชีวิต ไม่ได้รับพลังตามธรรมชาติ ไม่เคลื่อนไหว สงบนิ่ง ดังนั้นจึงให้ “คน” ที่เป็น “หยาง” เป็นสิ่งมีชีวิต เคลื่อนไหว กระฉับกระเฉง มีความรู้สึก เข้ามา เมื่อทั้งสองพลังมาสัมผัสกันก็เหมือนแม่เหล็กสองขั้วที่สปาร์คกัน ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา ยิ่งถ้าบ้านมีพลังสอดคล้องกับคนอยู่อาศัย ก็จะช่วยส่งเสริมพลังของคนได้
เคล็ดลับของการจัดฮวงจุ้ยโดยเฉพาะซินแสที่มีความเข้าใจใน “กลไกพลังงาน” ก็คือการดึงพลังงานธรรมชาติจากภายนอกบ้าน อย่างพลัง “หยาง” เสริมโอกาสทางธุรกิจ ความเจริญก้าวหน้า ก็จะดูที่ถนน ช่องลม น้ำตก น้ำล้น หินกลิ้ง เครื่องปรับอากาศ ไฟ เป็นต้น
ส่วนพลัง “หยิน” เสริมเรื่องบารมี สุขภาพ ความสัมพันธ์ ของที่จะเสริมพลังหยิน เช่น เนินดิน โต๊ะสนาม ศาลา สวนหิน เฟอร์นิเจอร์หนักและใหญ่ โดยซินแสจะให้ฤกษ์เวลาเข้าอยู่อาศัย ยามมงคลเวลาตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซม ช่วยหลีกเลี่ยงสิ่งร้ายๆ ต้อนรับสิ่งดีๆ เข้าบ้าน
“ทุกครั้งที่เราได้เข้าไปอยู่อาศัยในสถานที่ใหม่ เราก็ควรจะได้รับการปรับจัดฮวงจุ้ยด้วยเช่นเดียวกัน”
2. สถานที่ที่อยู่อาศัยไม่สวยงาม เสื่อมโทรม
หากสภาพสถานที่ที่เราอยู่นั้นไม่สวยงาม เสื่อมโทรม แสดงว่าสถานที่นั้นผ่านการใช้งานมาแล้ว ไม่ว่าจะเคยปรับหรือไม่ปรับฮวงจุ้ยแล้วก็ตาม เพราะเมื่อเราอยู่ที่แห่งนั้น เกิดการใช้ชีวิตก็จะมีปัจจัยสองอย่างที่ทำให้ความเป็นมงคลน้อยลง
อย่างแรกเลย ก็คือ “คุณภาพของพลังปราณ” เมื่อสิ่งแวดล้อมของตัวอาคารเริ่มทรุดโทรม ก็จะส่งผลเสียทางฮวงจุ้ยตามมา เช่น ถ้าเฉลียงประตูหน้าบ้านร้าว ก็ทำให้สะสมพลังของโชคลาภไม่อยู่
อย่างที่สอง ก็คือ “การรับพลังที่ดีประจำยุค” เพราะในศาสตร์ของฮวงจุ้ยเชื่อว่าไม่มีทิศทางใดดีตลอดเวลา และไม่มีทิศทางใดเสื่อมตลอดเวลา เห็นได้จากกรณีศึกษาว่าทำเลค้าขายก็มีดีร้ายสลับกันไป ซึ่งพอปีเปลี่ยนทิศที่เคยดีอาจเปลี่ยนตาม กลายเป็นทิศที่ไม่ดีแทน
“บ้านที่ไม่สวยงามในบางมุม ก็อาจส่งผลกับสมาชิกในครอบครัวได้เช่นเดียวกัน”
3. การเปลี่ยนแปลงรูปทรง รูปร่างของสถานที่
หากสถานที่นั้นต้องมีการเปลี่ยนรูปทรง รูปร่างของตัวเอง หรือเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมภายนอก โดยรวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างเดิมที่ต้องการปรับปรุง เช่น การต่อเติมห้องครัว หรือห้องนอนของบ้านพักอาศัย หรือการต่อเติมขยายส่วนผลิตหรือส่วนสำนักงานของโรงงาน เมื่อสถานที่นั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงรูปร่าง ก็จะทำให้การลักษณะของการสะสมพลังนั้นเปลี่ยนแปลงไป
ยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงมากๆ เช่น ทำการต่อเติมเกินพื้นที่ 1 ใน 3 ของอาคาร หรือ การเปลี่ยนแปลงห้องครัว ซึ่งเป็นห้องที่สะสมพลังงานของธาตุไฟมากที่สุดของอาคาร หรือมีการเปลี่ยนแปลงห้องหรือตำแหน่งนั่งของเจ้าของหรือผู้บริหารสูงสุดของสำนักงานหรือโรงงานเหล่านี้ ตามศาสตร์ฮวงจุ้ยถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงของฮวงจุ้ย การปรับฮวงจุ้ยเพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอาคารจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
และสิ่งที่หลายคนละเลยกรณีสิ่งแวดล้อมภายนอกเปลี่ยนไป แต่คิดว่าไม่มีผลกับบ้านของเรา ซึ่งความจริงถ้าเปลี่ยนแปลงเยอะก็อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพฮวงจุ้ยมากกว่าการเปลี่ยนแปลงภายในด้วยซ้ำ ยกตัวอย่าง การตัดถนนสายใหม่ที่เป็นสายใหญ่ การสร้างแนวรถไฟฟ้าไม่ว่าบนดินหรือใต้ดิน การสร้างสะพานข้ามแยกของรถยนต์หรือสะพานลอยคนข้าม หากเราสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ (ง่ายๆ ก็คือมองเห็นได้จากตัวบ้านหรือสิ่งปลูกสร้าง) แบบนี้สามารถรับคำแนะนำในการปรับฮวงจุ้ยบ้านจากซินแสที่มีประสบการณ์ได้
TIP
Tip : ชัยภูมิบ้านเป็นปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก ฉะนั้นจึงต้องเลือกให้ดีก่อน ฮวงจุ้ยบ้านในชัยภูมิที่ดีคือ
* อยู่ภายในโค้งโอบ
* องศาทิศทางลมดี
* สิ่งแวดล้อมโดยรอบสวยงาม
* ปราศจากสิ่งรบกวนประสาทสัมผัส เช่น เสียงอึกทึก กลิ่นเหม็น หม้อแปลงไฟฟ้า มุมแหลมทิ่มแทงจากอาคารอื่น ฯลฯ
ได้บ้านในฝันตามงบประมาณ ราคายุติธรรม ช่างผู้รับเหมาไม่ทิ้งงาน
กด >> รับสร้างบ้าน
จัดสมดุลระหว่างธาตุเพื่อเพิ่มพลัง
พื้นฐานของฮวงจุ้ยคือธาตุทั้งห้าได้แก่ดิน น้ำ ลม ไฟ และ โลหะ การจัดวางสิ่งของตามธาตุให้สมดุลจะสามารถเพิ่มพลังงานให้กับตัวบ้านได้ สำหรับคนธาตุดินควรแต่งบ้านด้วยหินมงคล ควอทซ์หรือของตกแต่งที่มีสีอิฐ สีน้ำตาลอ่อน คนธาตุน้ำควรวางบ่อน้ำ น้ำพุ หรืออ่างน้ำ หรือของประดับสีฟ้าหรือดำ คนธาตุลมควรวางของประดับที่ทำจากไม้ ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม สีน้ำตาลหรือเขียว คนธาตุไฟควรวางเทียน ตะเกียง หรือ ของตกแต่งที่มีสีส้ม แดง เหลืองเข้ม ม่วง หรือชมพูเข้ม ส่วนคนธาตุโลหะควรวางของประดับทรงกลม หรือเป็นของประดับที่ไม่มีเหลี่ยมมุม สีขาว เงิน หรือเทา
ข้อห้าม
1. หากมีสตรีกำลังตั้งท้อง ไม่ควรสร้างบ้าน เพราะอาจนำมาสู่การแท้งได้
2. ไม่ควรสร้างบ้านสูงกว่าอาคารบริเวณรอบ ๆ และอย่าสร้างชิดตึกเหล่านั้นเกินไปด้วย
3. ไม่ควรสร้างบ้านหลังต้นไม้ใหญ่หรือต้นไม้ที่ตายแล้ว เพราะจะนำความโชคร้ายมาสู่บ้าน
4. ไม่ควรสร้างบ้านบนพื้นที่ที่ด้านหน้าบ้านต่ำ หลังบ้านสูง เพราะฮวงจุ้ยเชื่อว่าจะทะเลาะกับเพื่อนบ้านได้
5. บ้านที่อยู่รวมกัน ห้ามสร้างศาลาชนกัน
6. ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าการสร้างบ้านที่ยื่นหรือเว้าแหว่งจะมีอันเป็นไป
7. หน้าบ้านไม่ควรมีบ่อน้ำสองบ่อ ถือเป็นบ่อน้ำตา
8. ถ้ามีคนอยู่อาศัยน้อย ไม่ควรสร้างบ้านหลังใหญ่เกินไป
9. การเจาะหลังคาถือว่าไม่เป็นมงคล หากอยากได้แสงสว่างแนะนำให้ใช้กระเบื้องใสแทน
สถาปนิกมืออาชีพออกแบบบ้านตามสไตล์คุณ วิศวกรเซ็นต์เพื่อยื่นขออนุญาต
กด >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน
ฮวงจุ้ยบ้าน 10 ประการ บั่นทอนโชคลาภ ที่ควรเลี่ยง
ฮวงจุ้ยบ้าน ประเภทใดที่อยู่แล้วขาดความเจริญยิ่งอยู่ยิ่งยากจน ยิ่งเงินทองสูญหาย ยิ่งนำพาปัญหาและอุปสรรคมาสู่คนในบ้าน ซึ่งท่านผู้อ่านควรรู้เอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้บ้านหรือร้านค้าของท่าน
1. บ้านที่ขาดการถ่ายเทอากาศ ปิดทึบ ประตู หน้าต่างมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของบ้าน
บ้านที่ดีควรมีพลังงานหมุนเวียนถ่ายเท หรือที่เรียกว่าพลังชี่ มีการหมุนเวียนได้ดีทั่วบ้าน หากบ้านใดที่ปิดทึบตลอดเวลา หรือห้องใดที่มีแสงสว่างจากภายนอกเข้ามาน้อยมาก บ้านนั้นจะขาดพลังชีวิตที่ดี
หากมองในแง่วิทยาศาสตร์แล้ว บ้านที่การถ่ายเทอากาศได้ไม่ดีก็เป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมเชื้อโรคให้เจริญเติบโต คนในบ้านเจ็บป่วยได้ง่าย แก้ไขได้ด้วยการ หมั่นถ่ายเทอากาศสม่ำเสมอ หรือให้มีพลังชีวิตของคนมากระตุ้นได้โดยพาเพื่อนมาจัดเลี้ยง สังสรรค์ หรือพาเด็กๆมาวิ่งเล่นเสมอๆ จะเป็นการใช้คนภายนอกนำมาพลังเข้ามาในบ้าน เป็นการกระตุ้นพลังชีวิตของบ้านได้เช่นกัน
2. บ้านที่มีของรกรุงรัง ปิดทางเข้าของบ้าน ขวางหน้าบ้าน
บ้านที่ด้านหน้ามีสิ่งของปิดไม่ให้พลังเข้าบ้าน เป็นการทำให้กระแสที่ดีเข้าสู่ตัวบ้านได้ยากและลำบาก บ้านที่ข้างในบ้านมีของรกรุงรังก็เช่นกัน ส่งผลให้กระแสภายในบ้านไหลเวียนไม่สะดวก ฮวงจุ้ยบ้านแบบนี้ โชคลาภไม่ทำงานเพราะติดขัดตลอดเวลา ควรหมั่นเก็บกวาดบ้าน และสิ่งของที่ไม่ได้ใช้แล้วควรนำไปทิ้งเสมอๆ
3. บ้านที่อยู่สูง หรือ ต่ำกว่าถนนมาก
บ้านที่สร้างใหม่ มักจะมีการถมที่เผื่อน้ำท่วมไว้สูงมาก จะส่งผลให้โชคลาภในบ้านไหลออกภายนอกหมด สังเกตุได้ง่ายๆ หลังจากย้ายเข้าบ้านที่สร้างสูงกว่าถนนไว้มากๆ บ้านนั้นจะขาดโชคลาภ และเงินทองจะเก็บไม่ค่อยอยู่ตลอด หรือมีเรื่องให้สูญเสียทรัพย์สินเป็นประจำ
ส่วนบ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนนมากเกินไป ก็จะเป็นบ่อพักพลังงานทุกอย่าง พลังไหลเข้าบ้านได้ แต่ออกไม่ได้ ซึ่งเข้าข่ายไม่มีการถ่ายเททีดี
ดังนั้นบ้านที่ดี ไม่ควรอยู่สูงกว่าพื้นถนนเกินครึ่งฟุต หรือต่ำกว่าครึ่งฟุต อย่างนี้ถือว่าไม่ต่ำหรือสูงมาก จะช่วยให้พลังงานไหลเวียนถ่ายเทได้ดี และควรออกแบบให้เป็นลักษณะเหมือนแอ่งตื้นๆ เพื่อเก็บพลังงานไว้ได้ และถ่ายเทได้เช่นกัน
ถ้าบ้านที่สูงกว่าถนน บริเวณหน้าบ้านที่ลาดออกถนน ควรมีจุดกั้นพลังงานก่อนไหลออกจากบ้านสูงกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อกั้นไม่ให้โชคลาภไหลออกได้ง่ายเกินไป
4. บ้านที่มีหน้าต่าง หรือ ประตูมากเกินไป
บ้านที่ดูโปร่ง โล่งสบายเกินไป จะไม่สามารถเก็บพลังไว้ได้ โชคลาภมักจะมาแล้วหายไป เก็บกักไว้ไม่อยู่ ดังนั้นควรแก้ไขด้วยการตรวจหาทิศที่ดีประจำบ้าน และประจำปี ทิศดีให้เปิดรับพลังงาน ที่ร้ายให้ปิดเอาไว้อย่าให้มีการไหลเวียนเข้าบ้าน
5. ประตู หรือ หน้าต่างตรงกันจากหน้าบ้านไปสู่หลังบ้าน
บ้านที่ประตู หน้าต่างทะลุถึงกันก็เป็นอีกรูปแบบที่เงินเข้ามาแล้วออกไป แก้ไขได้โดยหาฉากมากั้น หรือใช้เฟอร์นิเจอร์มาปิดระหว่างหน้าต่างหรือประตูที่ตรงกัน หากห้องนอนที่อยู่ตรงข้ามกันแล้วประตูตรงกัน ถ้าดวงคนในห้องทั้งสองชงกัน ก็จะส่งผลให้มีปากเสียงกันง่ายขึ้น แต่หากเป็นชายหญิงระวังเรื่องชู้สาว หากดวงเข้ากันได้ ความสัมพันธ์จะยิ่งดีขึ้น
6. บ้านที่มีรั้วแบบโปร่ง และ ไม่มีจุดเก็บพลังงานรอบบ้าน
รั้วฝั่งด้านหน้าควรเปิดโล่ง ส่วนด้านอื่นควรปิดทึบ หากโล่งเกินไป ควรหาต้นไม้มาปูลกเป็นแนวแทนก็ได้เช่นกัน
7. บ้านที่บันได หันไปทางหน้าบ้าน และ ตรงกับประตูบ้าน
กระแสจะไหลออกหน้าบ้าน มีเรื่องต้องสูญเสียเงินทองเสมอ ควรหาเฟอร์นิเจอร์มันกั้น หรือฉากมาปิดไว้ สามารถใช้น้ำพุ หรือตู้ปลาช่วยได้
8. สภาพแวดล้อมที่ขาดพลังชีวิตที่ดี รกร้าง อึมครึม ต้นไม้เหี่ยวเฉา
หากบ้านใดที่ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดูรกร้างว่างเปล่า ต้นไม้สูงใหญ่ดูอึมครึมน่ากลัว หรือต้นไม้ไม่เจริญเติบโตงอกงาม หมายถึงสภาพแวดล้อมบริเวณนั้นขาดพลังชีวิตที่ดี บ้านที่ตั้งอยู่ตรงนั้นก็จะขาดพลังชีวิตตามไปด้วย อยู่แล้วไม่เจริญรุ่งเรือง และมีโอกาสเสียชีวิตแบบผิดปกติ แก้ไขโดยพยายามวัดบริเวณบ้านให้น่าอยู่ ร่มรื่น เพื่อช่วยสร้างพลังชีวิตขึ้นมาใหม่
9. สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยขยะ น้ำเสียเน่าเหม็น สกปรก อับชื้น
สภาพแวดล้อมเช่นนี้ จะส่งผลให้มีแต่เรื่องเสียหาย เรื่องที่ไม่ดีเข้าสู่คนในบ้าน ระวังมีปัญหาชู้สาว เจ็บป่วย หน้าที่การงานถูกกลั่นแกล้งจากอำนาจมืด สิ่งผิดกฎหมาย แม้มีโชคลาภก็นำมาซึ่งความวุ่นวาย เสียหายต่อชื่อเสียง และชีวิตตามมาเสมอๆ
10. บ้านที่อยู่ติดรถไฟฟ้าเกินไป ใต้ทางด่วน สะพาน ทางยกระดับ หรือติดกับสิ่งปลูกสร้างที่สูง และขนาดใหญ่มากเกินไปไม่ดี
ตัวอย่างนี้เห็นได้บ่อยในตัวเมือง และสังเกตุได้ง่ายๆตามรถไฟฟ้าในเมือง บ้านที่มีลักษณะแบบนี้จะไม่สามารถดึงพลังเข้าสู่ตัวบ้านได้ เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างด้านหน้าไม่อำนวย ไม่เหมาะทำการค้า หรืออยู่อาศัย
อีกทั้งการที่มีรถวิ่งผ่านใกล้ตัวบ้านมากเกินไป ส่งผลต่อคนในบ้านมีเรื่องวุ่นวายใจ คิดมาก จิตใจเป็นกังวล หดหู่ได้ง่าย สามารถแก้ไขได้โดยต้องใช้แสงไฟ ส่องสว่าง มาตกแต่งให้โดดเด่นมากเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มพลังชีวิต
ถ้าสามารถใช้งานพื้นที่ชั้นบนที่อยู่เหนือสะพาน หรือถนนได้จะดีกว่า หรือให้ถอยร่นออกมาจากถนนให้มีช่องว่างให้มากขึ้น บางที่เคยเห็นใช้น้ำพุ น้ำตก ก็ช่วยให้มีการไหลเวียนพลังงานส่วนนั้นได้เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม 12 ฮวงจุ้ยบ้านไม่ดี ลักษณะแบบนี้ไม่ควรอยู่
หลักฮวงจุ้ยในการออกแบบ
หลักฮวงจุ้ยในการออกแบบ ตำแหน่งต่างๆในบ้าน มี 3 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้
การสร้างบ้านให้ถูกหลักฮวงจุ้ย นอกจากเราจะสร้างบ้านให้ถูกหลักฮวงจุ้ยในการสร้างบ้านไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลยเด็ดขาด นั่นก็คือการสร้างบ้านให้ถูกหลักฮวงจุ้ยในการออกแบบนั่นเอง เรามาดูหลักฮวงจุ้ยในการออกแบบบ้านกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1. ประตูและหน้าต่าง จะต้องมีการจัดวางให้สมดุลกัน
เพื่อให้พลังงานบวกไหลเวียนได้ดีทั้งลมเข้า ออก ที่ดี ซึ่งการจัดวางประตู หน้าต่างให้สมดุลกันนั้น ไม่ควรให้ประตูห้องชิดกันเกินไป หน้าต่างควรอยู่ระดับที่พอดีไม่ควรสูงหรือต่ำจนเกินไป เพื่อเป็นการรักษาพลังชี่ (จะทำให้พลังงานบวกและลมไหลเวียนเข้า – ออก ได้ดี) ส่วนหลังบ้านนั้นไม่ควรมีประตูและหน้าต่างเยอะ เนื่องจากจะทำให้พลังชี่อ่อนลง ส่งผลให้โชคลาภ และความเป็นสิริมงคลก็จะลดลงด้วย
2. ห้องส่วนตัวหรือพื้นที่ส่วนตัวต้องมีความสงบ
ฮวงจุ้ย สร้างบ้าน ห้องนอนคือหัวใจของบ้าน เพราะฉะนั้นการจัดวางห้องนอนควรจัดวางในส่วนที่มีความสงบเงียบที่สุด เพื่อไม่ให้มีสิ่งไม่ดีมารบกวน และเพื่อให้พลังงานบวกมีการไหลเวียนดีด้วย โดยบริเวณที่ไม่ควรจัดตั้งห้องนอนคือ เหนือโรงรถ ห้องครัว ห้องน้ำ บริเวณที่ควรจัดห้องนอนคือเหนือห้องกินข้าว หรือห้องนั่งเล่นก็ได้ หากเป็นบ้านสองชั้น ชั้นบนห้องนอนจะต้องไม่เป็นห้องน้ำเด็ดขาดเพราะถือว่าผิดหลักฮวงจุ้ยอย่างมาก
3. ประตูทางเข้าบ้าน คือการต้อนรับที่ดีต้องมีพลังงานดี
ประตูทางเข้าบ้านที่ดีในหลัก ฮวงจุ้ยสร้างบ้าน จะต้องไม่ตรงกับหน้าต่างบานใหญ่และประตูบานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ประตูอะไรก็ตาม และลักษณะของประตูจะต้องเปิดเข้ามาในบ้าน เพื่อเป็นการผลักพลังงานดีๆ เข้าบ้านนั่นเอง ส่วนบริเวณประตูบ้านควรจัดวางสิ่งของให้ดูสบายตา มีความเรียบร้อยทำให้ดูผ่อนคลายมีความสุขเวลาเข้าบ้าน
สรุป ฮวงจุ้ยบ้าน
การปรับปรุงบ้านให้เหมาะสมกับหลักฮวงจุ้ย นอกจะให้ผลทางใจในฐานะของการเพิ่มพลังให้กับผู้อยู่อาศัย การปรับฮวงจุ้ยบ้านยังมีผลต่อภูมิทัศน์และคุณลักษณะภายในบ้านไปด้วยอีกทางหนึ่ง ถ้าหากท่านสามารถทำการปรับฮวงจุ้ยบ้านอย่างง่ายได้ ผลลัพธ์ที่ได้คือการอยู่อาศัยดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
บ้านจะน่าอยู่หรือไม่นั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ว่าจะมีการออกแบบหรือดูแลอย่างไร ดังนั้นการที่บ้านจะน่าอยู่หรือช่วยเสริมดวงคนในบ้านนั้น ควรสร้างให้ถูกต้องตามหลัก ฮวงจุ้ยสร้างบ้าน ให้มากที่สุด เพราะหลักฮวงจุ้ย คือหลักเกณฑ์ที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างบ้านและออกแบบบ้านได้น่าอยู่ ดังนั้นจะสร้างบ้านให้น่าอยู่ ช่วยเสริมดวงผู้อยู่อาศัย ก็อย่าลืมสร้างให้ถูกหลักฮวงจุ้ยเพื่อความความสุขของตัวคุณนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม สร้างบ้านเอง กับ ซื้อบ้านจัดสรร ของโครงการหมู่บ้าน แตกต่างกันอย่างไร
งานบริการยอดนิยมจาก บริษัทTAMPBUILDER ออกแบบ เขียนแบบ ถอดแบบ รับเหมาก่อสร้างบ้านและอาคาร ครบวงจร