กระเบื้องปูพื้น กับ การสร้างบ้าน

กระเบื้องปูพื้น

วัสดุตกแต่งพื้นบ้านในปัจจุบันมีมากมายหลายประเภท ทั้งยังมีสารพัดรูปแบบ สีสัน และลวดลายอีกด้วย แต่หากพูดถึงวัสดุตกแต่งพื้นที่เจ้าของบ้านนิยมเลือกใช้กันคงหนีไม่พ้น กระเบื้องปูพื้น (กับ การสร้างบ้าน) ที่เป็น “กระเบื้องเซรามิก” เนื่องด้วยมีรูปแบบที่หลากหลาย เข้ากับการแต่งบ้านทุกสไตล์ อีกทั้งมีความแข็งแรง และทำความสะอาดง่ายอีกด้วย

 

สารบัญ

 

ชนิดของ กระเบื้องปูพื้น

กระเบื้องปูพื้นในท้องตลาดบ้านเราสามารถแบ่งได้เป็น 6 ชนิดด้วยกัน

1. กระเบื้องดินเผา

กระเบื้องปูพื้นหน้าบ้าน

ผลิตและขึ้นรูปโดยการเผาด้วยความร้อน โดยนำเอาดินไปเผาจนแข็งตัว เพื่อเพิ่มความมั่นคงแข็งแรง โดยส่วนใหญ่จะมีสีน้ำตาล ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งคุณสมบัติที่เก็บความชื้นได้ดี ทำให้เรื่องอุณหภูมิไม่ใช่ปัญหาสำหรับกระเบื้องดินเผา แต่ข้อเสียหลักๆ ของกระเบื้องดินเผา จะเป็นเรื่องการแตกหักง่าย ผุกร่อน ผิวด้าน ส่วนเรื่องการทำความสะอาดจะมีในดินเผาที่ไม่เคลือบเงา ทำให้สิ่งสกปรกฝังลึก จึงควรดูแลในเรื่องความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

2. กระเบื้องเซรามิค

กระเบื้องเซรามิค

กระเบื้องเซรามิคมีวิธีการทำส่วนนึงเหมือนกระเบื้องดินเผา เพราะขั้นตอนการทำก็คือการนำกระเบื้องดินเผาผ่านเตาเผาอีก 1-2 รอบ และนำไปเคลือบผิวให้เกิดลวดลายต่างๆ ที่สวยงาม กระเบื้องเซรามิคจึงมีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย อีกทั้งมีขนาดหลากหลาย มีอัตราการซึมน้ำต่ำ

เนื้อกระเบื้องมีความหนาแน่นและแข็งแกร่งค่อนข้างสูง และมีโทนสีสไตล์ต่างๆให้เลือกใช้มากที่สุด เมื่อเคลือบเงาแล้วจะมีความสวยงาม เหมาะสำหรับใช้ปูพื้นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ทั้งนี้ทั้งนั้น กระเบื้องเซรามิคถูกแบ่งประเภทไว้ใช้สำหรับปูพื้นและปูผนัง เวลาเลือกซื้อจึงควรเลือกให้ถูกประเภท

3. กระเบื้องโมเสค

กระเบื้องโมเสค

มีหน้าตาเป็นกระเบื้องชิ้นเล็กๆ เกาะอยู่บนตาข่ายที่รองไว้ด้านล่างรวมออกมาเป็นกระเบื้องแผ่นใหญ่ เนื้อของกระเบื้องชิ้นเล็กเป็นแก้ว เซรามิค หรือหิน มีความแข็ง มันวาว ทนทาน สีไม่ตก มีสีสันสวยงาม น่ารัก และด้วยสีสันที่หลากหลาย ทำให้หลายๆ บ้าน นำกระเบื้องโมเสคไปออกแบบเป็นผนังสุดอาร์ต

กระเบื้องโมเสคมีคุณสมบัติดูดซึมน้ำต่ำ จึงกันน้ำได้ดี ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับการไปติดในห้องน้ำ และ พื้นที่ขนาดเล็ก โค้งมน หรือ ใช้ปูสระว่ายน้ำ แต่ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของกระเบื้องโมเสค คือเรื่องของราคาที่มีช่วงกว้าง ใครที่มีงบในการทำบ้านอย่างจำกัด กระเบื้องโมเสคก็อาจจะทำให้งบทำบ้านบานปลายแบบสุดๆ

4. กระเบื้องแก้ว

กระเบื้องแก้ว

วัสดุที่ทำกระเบื้องแก้วกับกระเบื้องโมเสคมาจากอย่างเดียวกัน คือ ชิ้นแก้ว ขึ้นรูปมารวมกันเป็นแผ่นกระเบื้อง แต่กระเบื้องโมเสคที่จะเพิ่มด้วยการนำไปเคลือบให้เกิดความมันวาวมากขึ้น และรักษาลวดลายบนกระเบื้องให้อยู่ได้นานขึ้น รวมไปถึงประโยชน์ใช้สอยและพื้นที่ติดตั้งก็ต่างกัน

กระเบื้องแก้วมีความมันวาว เนื้อโปร่งแสง มีอัตราการดูดซับความชื้นต่ำ ภายในตกแต่งด้วยลวดลายที่สวยงาม เช่น ลายพิมพ์ หรือ ตกแต่งสีสันลวดลายภายใน ทำให้ลวดลายอยู่ทนทานกว่าลายพิมพ์บนผิวหน้ากระเบื้องประเภทอื่น นิยมใช้ปูในพื้นที่แคบๆ เพราะกระเบื้องชิ้นเล็กปูยากและราคาค่อนข้างสูง

5. กระเบื้องแกรนิตโต้

กระเบื้องแกรนิตโต้

เกิดจากการนำผงของหินแกรนิตนำมาอัดขึ้นรูปและผ่านความร้อนสูงมากๆ แล้วขึ้นรูปเป็นแผ่นกระเบื้อง ทำให้กระเบื้องแกรนิตโต้มีความแข็งแรงสูง และด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้กระเบื้องแกรนิตโต้มีสีสันและมีขนาดหลากหลาย มีการเคลือบเงาทำให้ยากที่จะเห็นร่องรอยการขีดข่วนต่างๆ บนกระเบื้อง

ด้วยความมันเงาบนกระเบื้องชนิดนี้ จะทำให้เกิดความรู้สึกถึงความกว้างของบ้านที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย กระเบื้องชนิดนี้ไม่มีการเคลือบสี มีเนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น เมื่อถูกกะเทาะแตกจะพบว่าเนื้อที่ผิวหน้ากับเนื้อด้านในเป็นสีเดียวกัน

6. กระเบื้องหินอ่อน

กระเบื้องหินอ่อน

กระเบื้องหินอ่อนมีความสวยงามและทนทาน ไว้ตกแต่งสถานที่ให้ดูหรูหรา มีระดับ เมื่อผ่านการเคลือบเงาสามารถกันรอยขีดข่วนได้ดี สามารถนำมาปูพื้นได้หลายแบบ ที่เมื่อนึกถึงคำว่าหรูหรา จะต้องมีกระเบื้องชนิดนี้ จุดเด่นของกระเบื้องหินอ่อน คือ ให้ความเย็นเมื่อเวลาเราสัมผัส

 

 

จากครอบครัวช่างผู้รับเหมาก่อสร้าง ใช้วัสดุคุณภาพสูง งบไม่บานปลาย เสร็จตามเวลา ช่างไม่ทิ้งงาน วางใจถึงหลังส่งมอบ มีประกันงาน บริการสร้างบ้าน รับออกแบบบ้านสวยๆ ทุกสไตล์ บ้านชั้นเดียว บ้านสองชั้น ขนาดเล็กและใหญ่ ราคาเหมาะสม ตามงบประมาณ กับ TAMPBUILDER(แทมป์บิวเดอร์) บริษัทรับสร้างบ้าน

 

ได้บ้านในฝันตามงบประมาณ ราคายุติธรรม ช่างผู้รับเหมาไม่ทิ้งงาน

กด >> รับสร้างบ้าน

 

 

พื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านควรใช้กระเบื้องแบบไหน

เคล็ดลับในการเลือกกระเบื้องให้ตรงกับการใช้งาน โดยเน้นความปลอดภัยในการอยู่อาศัยมาเป็นอันดับหนึ่ง

1. พื้นห้องน้ำ

กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำ

เราสามารถใช้ได้ทั้งกระเบื้องเซรามิคและแกรนิตโต้ และควรเลือกลวดลายให้มีความขรุขระเล็กน้อย พร้อมการเคลือบกันลื่น ที่สำคัญควรใช้กระเบื้องแผ่นใหญ่ เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดนั่นเอง

2. พื้นห้องครัว

กระเบื้องปูพื้นห้องครัว

กระเบื้องหินอ่อนดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากคุณสมบัติของการทำความสะอาดที่ง่าย พร้อมกับความทนทานและความแข็งแรง จึงทำให้คราบมันและการทำครัวของเราเป็นเรื่องเบาๆ สำหรับกระเบื้องหินอ่อน

3. ห้องนอน

ลายกระเบื้องปูพื้น

โดยส่วนใหญ่มักจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคกัน เนื่องจากมีราคาที่ไม่แพงมาก และมีลวดลายให้เลือกเยอะ เช่น ลายไม้ที่ให้ความรู้สึกสบายตา และพอจะทดแทนไม้ปาร์เกต์ที่มีราคาสูงได้ ข้อแนะนำอีกอย่างคือเรื่องสี ที่ให้ความรู้สึกสบายตาอย่าง น้ำตาลอ่อน ขาว เขียวอ่อน เป็นต้น

 

กระเบื้องปูพื้น กับกระเบื้องบุผนัง ใช้แทนกันได้หรือไม่

กระเบื้องปูพื้น กับกระเบื้องบุผนัง ใช้แทนกันได้หรือไม่ เรามาดูกัน

การผลิตและวัตถุดิบ

ข้อแตกต่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดระหว่างกระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องบุผนังคือ สีเนื้อด้านหลังของแผ่นกระเบื้องที่เป็นสีเนื้อดินธรรมชาติผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ ซึ่งไม่ถูกเคลือบสีพิมพ์ลวดลายใดๆ มีเพียงเท็กซ์เจอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยในการยึดติดเท่านั้น หากเป็นกระเบื้องปูพื้นจะมีโทนสีเนื้อดินที่เข้มกว่ากระเบื้องบุผนังอย่างเห็นได้ชัด

อันมาจากส่วนผสมของวัตถุดิบที่ต้องมีความแข็งแกร่ง ทนแรงกดอัดได้มากกว่า อุณหภูมิการเผาที่สูงกว่าเล็กน้อย โดยกระเบื้องเซรามิกปูพื้นจะเผาที่อุณหภูมิ 1,100 องศาเซลเซียส กระเบื้องเซรามิกบุผนังจะเผาอยู่ที่ 1,000 องศาเซลเซียส กระเบื้องแกรนิตโต้และเกลซพอร์ซเลนจะเผาอยู่ที่อุณหภูมิ 1,250 องศาเซลเซียส ซึ่งกระเบื้องบุผนังนอกจากจะมีน้ำหนักเบากว่า สีเนื้อดินแผ่นหลังที่ดูซีดจางกว่า ยังมีค่าการซึมน้ำที่สูงกว่า (15 – 22 เปอร์เซ็นต์) แต่กระเบื้องปูพื้นมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำถึงปานกลาง (3 – 6 เปอร์เซ็นต์)

ลักษณะทางกายภาพ

น้ำหนักและความหนาของแผ่นกระเบื้อง กระเบื้องปูพื้นจะมีความหนามากกว่ากระเบื้องบุผนัง หักลบประมาณ 2 มิลลิเมตร หากเปรียบเทียบความหนาของทั้งสองประเภทจะสังเกตเห็นได้ชัด กระเบื้องบุผนังจะมีน้ำหนักเบาและความหนาที่บางกว่า เพื่อลดน้ำหนักการยึดเกาะบนผนังแนวดิ่ง ในขณะเดียวกันอีกปัจจัยหนึ่งคือ ค่าความหยาบของผิวกระเบื้อง ที่สามารถแบ่งได้ 2 ประเภทด้วยกัน คือ

1. กระเบื้องผิวหน้าหยาบ

กระเบื้องปูพื้น ราคา

การเลือกกระเบื้องที่มีผิวหน้าหยาบมากหรือน้อยต้องคำนึงถึงพื้นที่การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสำหรับการปูนอกบ้าน โรงจอดรถ บริเวณที่ต้องเปียกชื้น พื้นที่ที่มีผู้สูงอายุใช้งาน จนถึงบริเวณทั่วไปอย่างห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องนอน ซึ่งสามารถขอคำแนะนำจากพนักงานขายเพิ่มเติมในการเลือกซื้อกระเบื้องเพื่อให้นำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม

2. กระเบื้องผิวหน้ามัน

กระเบื้องผิวหน้ามัน

เป็นผิวกระเบื้องที่เหมาะสำหรับบุผนัง ทำความสะอาดง่าย แต่หากโดนน้ำแล้วจะเกิดความลื่น จึงไม่นิยมปูพื้นที่เปียกอย่างในห้องน้ำ ระเบียงนอกบ้าน ที่กลางแจ้ง เพราะอาจจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ แต่หากใช้บุผนังสามารถใช้ได้ทุกจุด

การบุผนังตกแต่งห้องทั่วไปสามารถเลือกใช้กระเบื้องผิวหยาบได้ แต่ไม่แนะนำ เนื่องด้วยคราบสกปรกยึดเกาะได้ง่าย จะต้องใส่ใจดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของบ้านด้วย หากอยากให้ห้องมีบรรยากาศดิบเท่ก็สามารถเลือกได้ตามใจ

 

บริการเสริม บริษัทรับเหมาก่อสร้าง TAMPBUILDER

บริษัทรับเหมาก่อสร้างของเราทำแบบครบวงจร ONE STOP SERVICE

  1. บริการรับสร้างบ้านหรู (สนใจ กด >> รับสร้างบ้านหรู luxury โมเดิร์น)
  2. บริการรับออกแบบบ้าน เขียนแบบบ้านยื่นขออนุญาต (สนใจ กด >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน)
  3. บริการหาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา (สนใจ กด >> หาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา)
  4. บริการรับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา (สนใจ กด >> รับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา)

 

 

ลักษณะการใช้งาน กระเบื้องปูพื้น กับ กระเบื้องปูผนัง

กระเบื้องปูพื้น pantip

กระเบื้องปูพื้น

สามารถใช้งานได้ในทุกจุดตามความเหมาะสม ถึงแม้จะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก ขนาดแผ่นที่ใหญ่ แต่ก็ใช้บุผนังได้ แต่ต้องเลือกวิธีการปูแบบแห้ง โดยใช้ปูนกาวซีเมนต์ที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพในการยึดเกาะสูงเท่านั้น และห้ามปูแบบซาลาเปาเป็นอันขาด เพื่อป้องกันปัญหากระเบื้องหลุดร่อน

กระเบื้องบุผนัง

ทำมาจากวัตถุดิบที่มีน้ำหนักเบา และไม่ได้มีส่วนผสมที่ช่วยรับแรงกดทับ ทำให้กระเบื้องบุผนังไม่สามารถใช้งานในส่วนของการปูพื้นได้ หากเลือกปูพื้นจะแตกเปราะได้ง่าย บวกกับผิวที่มีความลื่นอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ควรนำมาปูพื้นเด็ดขาด

นอกจากนี้ในเรื่องของความสวยงาม แม้จะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องดีไซน์ แต่การเลือกลวดลายของกระเบื้องทั้งสองแบบก็ส่งผลต่อความรู้สึกภายในบ้านได้ อย่างกระเบื้องบุผนัง หากเลือกสีเข้มลายเด่นทั้งห้องย่อมทำให้รู้สึกอึดอัด ห้องไม่น่าอยู่ จึงควรเลือกใช้ลวดลายเด่นๆแบบนี้เฉพาะในบางจุดเท่านั้น และหากอยากได้ไอเดียที่หลากหลาย ควรเลือกซื้อตามแหล่งจำหน่ายที่มีสินค้าจำนวนมาก ก็ช่วยให้มีทางเลือกมากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

สถาปนิกมืออาชีพออกแบบบ้านตามสไตล์คุณ วิศวกรเซ็นต์เพื่อยื่นขออนุญาต

กด >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน

 

 

การพิจารณาเลือก กระเบื้องปูพื้น

การพิจารณาเลือกกระเบื้องปูพื้น

กระเบื้องแต่ละชนิดนั้น ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยหลักๆ จะแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ กระเบื้องปูพื้น และกระเบื้องปูผนัง ทั้งนี้ กระเบื้องปูพื้นถือได้ว่าเป็นที่นิยมในการเลือกใช้มากที่สุด เพราะโดยมากแล้วสำหรับการตกแต่งผนังห้อง จะนิยมปล่อยให้เป็นปูนเปลือยแล้วทาสีตกแต่งเสียมากกว่า หรือไม่ก็เลือกใช้ Wallpaper ตกแต่งแทนมากกว่ากระเบื้อง ดังนั้น เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นได้อย่างเหมาะสม สามารถพิจารณาถึง 4 ปัจจัยสำคัญ ในการเลือกกระเบื้องปูพื้นกัน โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. ขนาดกระเบื้องเล็กใหญ่ เลือกใช้ให้เหมาะสม

หลักการสำคัญก็คือ กระเบื้องขนาดเล็กนั้น เช่นกระเบื้องขนาด 8*8 จะเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่แคบอย่างเช่นห้องน้ำ เพราะร่องของกระเบื้องจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ ส่วนกระเบื้องขนาดใหญ่ เช่นขนาด 16*16 นั้น จะเหมาะกับพื้นที่ใช้งานแบบกว้าง เช่นห้องโถง ห้องประชุมสัมมนา เพราะจะทำให้พื้นที่ดูกว้างขวาง ปลอดโปร่งสบายตามากขึ้น

2. สีสันของกระเบื้องต่างไป ให้อารมณ์ความรู้สึกที่ต่างกัน

โดยทั่วไปในการเลือกสีของกระเบื้องปูพื้นนั้น เรามักจะคำนึงถึงสไตล์ความชอบเป็นสำคัญ ซึ่งก็ไม่ใช่เลือกผิด แต่ติดอยู่นิดหนึ่งตรงที่นอกจากความชอบแล้ว สีของกระเบื้องยังสัมพันธ์กับอารมณ์ความรู้สึกของห้องด้วย โดยกระเบื้องโทนสีเข้มนั้น จะเหมาะกับพื้นที่ที่ใช้งานหนักๆ อาทิ โรงจอดรถ หรือว่าห้องทำงาน ที่จะช่วยโฟกัสให้เกิดสมาธิ ส่วนกระเบื้องโทนสีอ่อนก็จะให้ความรู้สึกห้องดูกว้างขึ้น ดังนั้นจึงเหมาะกับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก ที่ทำให้การอยู่อาศัยนั้นรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบาย

3. คุณภาพ และมาตรฐานการผลิตต้องน่าเชื่อถือ

การเลือกกระเบื้องด้วยเพราะราคาถูกเป็นที่ตั้ง อาจทำให้เราได้กระเบื้องที่ไม่มีคุณภาพ เป็นกระเบื้องมือสอง ที่เสี่ยงเป็นอันตราย หรือเสี่ยงก่อให้เกิดความเสียหายตามมา ดังนั้น อีกปัจจัยสำคัญเลยสำหรับการเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นก็คือ เรื่องของคุณภาพและมาตรฐานในการผลิต เพื่อให้ได้กระเบื้องที่แข็งแรงทนทานจริงๆ เราจะได้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

4. วิธีการติดตั้งกระเบื้องปูพื้นต้องถูกต้อง

ถือเป็นประเด็นสำคัญมากที่สุด เพราะการติดตั้งกระเบื้องปูพื้นที่ไม่ถูกวิธีนั้น จะทำให้ไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลทำให้กระเบื้องอาจเกิดความเสียหาย แตกหัก ได้อย่างรวดเร็ว มีอายุการใช้งานสั้นกว่าปกติ ทำให้เราต้องเสียเวลา เสียงบประมาณในการปูกระเบื้องซ่อมแซมใหม่ ดังนั้น แม้จะเลือกกระเบื้องปูพื้นมาอย่างดีแล้ว ก็ต้องไม่ลืมเด็ดขาดว่า จะต้องเลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการปูพื้นกระเบื้องด้วย เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

กระเบื้องปูพื้นนั้น ถือเป็นหนึ่งในวัสดุตกแต่งบ้านที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นวัสดุพื้นผิวที่เราสัมผัสและมองเห็นได้ทุกวัน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เราใช้งานกระเบื้องทุกวัน ผ่านการเดินเหยียบย่ำ ทำกิจกรรม และสัมผัสอารมรณ์ความรู้สึกที่กระเบื้องส่งมอบให้ ดังนั้นแล้ว ในการเลือกใช้นั้น จึงจำเป็นจะต้องพิถีพิถัน ละเอียด และรอบคอบให้ได้มากที่สุด เพื่อให้การอยู่อาศัยของเราได้รับประโยชน์สูงสุดจากกระเบื้องที่เราเป็นคนเลือกเองกับมือนั่นเอง

 

วิธีเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นในบ้าน

แนะนำการเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ของบ้าน ทั้งในเรื่องประเภท ขนาด รูปแบบ ผิวสัมผัส และโทนสี

วัสดุตกแต่งพื้นบ้านในปัจจุบันมีมากมายหลายประเภท ทั้งยังมีสารพัดรูปแบบ สีสัน และลวดลายอีกด้วย แต่หากพูดถึงวัสดุตกแต่งพื้นที่เจ้าของบ้านนิยมเลือกใช้กันคงหนีไม่พ้นกระเบื้องปูพื้นที่เป็น กระเบื้องเซรามิก เนื่องด้วยมีรูปแบบที่หลากหลาย เข้ากับการแต่งบ้านทุกสไตล์ อีกทั้งมีความแข็งแรง และทำความสะอาดง่ายอีกด้วย

สิ่งสำคัญของการเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นคือต้องคำนึงถึงการใช้งาน และความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ รองลงมาจึงเป็นด้านความสวยงาม และการดูแลรักษา ซึ่งเรามี 5 วิธีในการเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นให้ถูกใจ และเหมาะกับแต่ละพื้นที่ มาแนะนำให้เจ้าของบ้านที่กำลังสร้างบ้านหรือปรับปรุงบ้านดังต่อไปนี้

1. เลือกกระเบื้องสำหรับปูพื้นเท่านั้น

เพราะพื้นต้องรับน้ำหนักทั้งผู้อยู่อาศัย เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของต่าง ๆ จึงต้องใช้กระเบื้องปูพื้นที่มีความแข็งแรง ซึ่งได้แก่ กระเบื้องประเภท Floor Tile (ห้ามนำกระเบื้องบุผนังมาปูพื้นโดยเด็ดขาด) กระเบื้องเนื้อ    พอร์ชเลนที่มีทั้งแบบเคลือบสีหรือลวดลาย กับแบบที่ผิวหน้ากับตัวกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันซึ่งนิยมเรียกกันว่า กระเบื้องแกรนิตโต

กระเบื้อง Floor Tile

กระเบื้อง Floor Tile

มีความหนาประมาณ 6 มม. ลักษณะที่สังเกตได้คือเนื้อจะมีสีน้ำตาลหรือสีขาวครีม เคลือบสีและลวดลายที่ผิวหน้าทั้งแบบด้าน มัน และแบบหยาบ บางรุ่นมีผิวสัมผัสหรือร่องลายตามลวดลาย

กระเบื้องพอร์ซเลนเคลือบผิว

กระเบื้องพอร์ซเลนเคลือบผิว

มีความหนาประมาณ 10 มม. มีการเคลือบสี ลวดลาย ผิวสัมผัสทั้งแบบด้าน มัน และหยาบที่ผิวหน้า สามารถมองเห็นชั้นผิวกระเบื้องแยกกับเนื้อกระเบื้องได้อย่างชัดเจน มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ มีความแข็งแกร่งสูง ใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นได้ทั้งภายนอก และภายในบ้าน แต่หากมีการขูดขีดลึกถึงเนื้อกระเบื้องจะสังเกตเห็นได้ง่าย ไม่สวยงาม

กระเบื้องแกรนิตโต

กระเบื้องแกรนิตโต้

เป็นเนื้อกระเบื้องพอร์ชเลนที่มีความหนาประมาณ 10 มม. เช่นกัน แต่จะมีผิวหน้าและตัวกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ในกรณีที่ผิวหน้ามีรอยขูดขีดหรือแตกกะเทาะจะมองเห็นได้ยาก พื้นผิวมีทั้งด้าน มัน และหยาบ ใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นได้โดยทั่วไปเช่นเดียวกับกระเบื้องพอร์ชเลน

2. เลือกกระเบื้องปูพื้นให้เหมาะกับพื้นที่การใช้งาน

กระเบื้องปูพื้นภายนอก

กระเบื้องปูพื้นภายนอก

ทางเดินรอบบ้าน บันไดเข้าออกตัวอาคาร หรือที่จอดรถ ควรเลือกกระเบื้องปูพื้นที่มีความแข็งแกร่ง รับน้ำหนักได้ดี มีพื้นผิวหยาบ (ค่าการกันลื่นไม่น้อยกว่า R11) กระเบื้องไม่เคลือบเงา เพราะเมื่อฝนตก อาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้

 

กระเบื้องปูพื้นภายในบ้าน

กระเบื้องปูพื้นภายในบ้าน

สามารถเลือกกระเบื้องปูพื้นที่มีเนื้อแบบใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน แต่ถ้ามีผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็ก อาจเลือกเป็นกระเบื้องปูพื้นแบบเนื้อด้าน ไม่มันเงาเพื่อความปลอดภัย

กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำ

กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำ pantip

ควรเลือกกระเบื้องที่มีผิวหน้าที่หยาบ และไม่เคลือบผิวเงา (ค่าการกันลื่นไม่น้อยกว่า R10) โดยหมั่นทำความสะอาดกำจัดคราบไขมันเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ไขมันสะสมที่พื้นผิวหน้าจนลื่น

3. เลือกใช้ขนาดกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะสมกับขนาดห้อง

ขนาดกระเบื้องปูพื้น

สำหรับห้องที่มีขนาดเล็ก อาจเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นแผ่นเล็ก ขนาด 12”x12”, 16”x16” หรือกระเบื้องปูพื้นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น ส่วนห้องที่มีขนาดใหญ่ สามารถเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นแผ่นใหญ่ได้ เช่น ขนาด 24”x 24” หรือ 24”x48”

4. เลือกรูปแบบ ลวดลาย และโทนสีกระเบื้องปูพื้นให้เข้ากับสไตล์บ้าน

รูปแบบ ลวดลาย และโทนสีกระเบื้องปูพื้น

รูปแบบและลวดลายของกระเบื้องมักจะสัมพันธ์กัน อย่างเช่น กระเบื้องลายหินมักเป็นกระเบื้องสี่เหลี่ยมแผ่นใหญ่ กระเบื้องลายไม้มักเป็นกระเบื้องสี่เหลี่ยมแผ่นยาว (ลักษณะเหมือนไม้กระดาน) กระเบื้องลายกราฟิกอาจมีรูปทรงอื่นอย่างหกเหลี่ยม การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับสไตล์การตกแต่งบ้าน เช่น กระเบื้องลายหินจะเหมาะกับสไตล์โมเดิร์น คลาสสิก ร่วมสมัย โดยถ้าเป็นผิวเงาจะทำให้ดูหรูหรามากขึ้น กระเบื้องลายไม้เหมาะกับการตกแต่งแนวธรรมชาติ หรือแนวร่วมสมัย ทั้งยังให้ลุคโมเดิร์นได้ด้วย

ด้านโทนสี สำหรับกระเบื้องปูพื้นโทนสีอ่อนจะเหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร เพราะหากนำไปใช้งานนอกอาคาร ผิวกระเบื้องต้องสัมผัสกับแดด ลม และฝนตลอดเวลา อาจทำให้เกิดรอยด่าง รอยขีดข่วน และคราบต่างๆ ที่สังเกตเห็นได้ง่าย อย่างไรก็ดี กระเบื้องปูพื้นโทนสีอ่อนทำให้ห้องดูสว่างตา และยังช่วยทำให้พื้นที่ห้องขนาดเล็กหรือแคบดูกว้างขึ้นได้

ส่วนกระเบื้องปูพื้นโทนสีเข้ม เหมาะกับพื้นที่นอกอาคาร ที่ต้องโดดแดดฝนอยู่บ่อยๆ เพื่อไม่ให้สังเกตเห็นรอยต่างๆ ได้ชัดมากนัก หรือพื้นที่ภายในบ้านบริเวณที่ต้องรองรับการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือวางสิ่งของจำนวนมากๆ พื้นผิวที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี คราบน้ำมัน น้ำ อยู่บ่อยๆ เช่น ห้องครัว โรงรถ ห้องน้ำ ระเบียง เพราะกระเบื้องปูพื้นในโทนสีเข้มจะช่วยลดปัญหาในการทำความสะอาด ดูแลรักษาง่าย

5. เลือกเกรดกระเบื้องปูพื้นตามการใช้งาน

ราคา กระเบื้องปูพื้น

โดยทั่วไปกระเบื้องปูพื้นที่ขายในท้องตลาดจะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกรดหลักด้วยกัน คือ

1. กระเบื้องปูพื้นเกรด A คือกระเบื้องที่สมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซนต์ ไม่มีตำหนิเลย โดยสำหรับกระเบื้อง COTTO จะระบุว่าเป็นกระเบื้องเกรด PM ที่ย่อมาจาก Premium Grade

2. กระเบื้องปูพื้นเกรด B คือกระเบื้องมีตำหนิ (ไม่เกิน 3 จุด) แต่สังเกตได้ยาก ราคาต่ำกว่า เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องโชว์ความสวยงาม เช่น ห้องเก็บของ ใต้เคาน์เตอร์ครัว

นอกจากการเลือกกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะสมและถูกใจแล้ว ในการซื้อกระเบื้องปูพื้นแต่ละครั้งควรซื้อมากกว่าที่คำนวณไว้ประมาณ 5-10% (ขึ้นอยู่กับพื้นที่ รูปแบบการปู และขนาดกระเบื้อง) เผื่อการตัดเศษ หรือแตกหักระหว่างการติดตั้ง และควรเป็นกระเบื้องล็อตผลิตเดียวกัน ที่หน้างานควรเตรียมพื้นที่กองเก็บจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ปลอดภัย

ก่อนติดตั้งควรตรวจสอบรอยแตกร้าวหรือจุดตำหนิในแต่ละแผ่นทุกครั้ง และที่สำคัญควรติดตั้งกระเบื้องปูพื้นให้ถูกวิธี เพื่อให้ได้บ้านสวยตามต้องการ ทั้งยังใช้งานได้คุ้มค่า ยาวนาน

งานบริการยอดนิยมจาก บริษัทTAMPBUILDER ออกแบบ เขียนแบบ ถอดแบบ รับเหมาก่อสร้างบ้านและอาคาร ครบวงจร

หาผู้รับเหมา หาช่างก่อสร้าง รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน รับทำ BOQ ถอดแบบประมาณราคา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!