พื้นไม้ลามิเนต (Laminate Wood Floor) คือ วัสดุทดแทนไม้พื้นไม้จริง ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายไม้จริง มีลวดลายสีสันให้เลือกใช้หลากหลายในราคาที่ย่อมเยากว่าไม้จริง ติดตั้งและดูแลรักษาง่าย แข็งแรงทนทานเหมาะจะใช้งานเป็นพื้นไม้ในบ้าน
สารบัญ
ลักษณะของ พื้นไม้ลามิเนต
ลามิเนต มีความหมายว่า เป็นชั้นๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ชั้นต่างๆ ดังนี้
1. ชั้นแกนหลัก(Substrate Layer / Core Board) จะผลิตจากเส้นใยหรือชิ้นไม้ย่อยๆ ผสมกาวและสารเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ นำมาบีบอัดเข้าด้วยกันด้วยความร้อนและแรงดันสูงให้เป็นแผ่น
2. ชั้นแผ่นรองพื้น(Backing Layer / Stabilizing Film) จะอยู่ใต้ชั้นแกนหลัก มีหน้าที่ช่วยป้องกันความชื้นจากพื้นคอนกรีตที่จะส่งผลต่อความแข็งแรงของแผ่นไม้
3. ชั้นลวดลายไม้(Pattern Layer) มีลักษณะเป็นแผ่นวัสดุพิมพ์ลายไม้ปิดทับด้านบน
4. ชั้นเคลือบผิว(Overlay หรือ Wear Layer) เคลือบผิวชั้นบนสุดด้วยวัสดุป้องกันรอยขีดข่วนโดยขนาดของพื้นไม้ลามิเนตแต่ละแผ่น มักมีขนาดเทียบกับไม้จริง คือ หน้ากว้างประมาณ 4”, 6” และ 8” ยาวประมาณ 20 -1.80 ม. มีหลายความหนาให้เลือกใช้ แต่ที่มีจำหน่ายโดยทั่วไปได้แก่ 8 มม. และ 12 มม.
ประเภทของพื้นไม้ลามิเนต
ประเภทของพื้นไม้ลามิเนต แบ่งตามการติดตั้งจะมี 2 แบบ
1. แบบเข้าลิ้นเหมือนไม้พื้นทั่วไป
2. แบบ Click Lock โดยใช้ระบบล็อกเชื่อมต่อกันระหว่างแผ่นไม้ ซึ่งติดตั้งได้สะดวกรวดเร็วกว่า
แบ่งตามความหนาแน่นของไม้จะมี 2 แบบ
1. MDF (Medium Density Fiberboard) มีความหนาแน่นที่ 600-800 kg./m3
2. HDF (High Density Fiberboard) มีความหนาแน่นเกิน 800 kg./m3เนื่องจาก HDF มีความหนาแน่นสูงกว่า จึงมีความทนทาน รับแรงกระแทกได้ดี และมีอัตราการขยายตัวจากความชื้นน้อยกว่า
พื้นไม้ลามิเนตในท้องตลาดยังมีหลายมาตรฐาน สำหรับพื้นไม้ลามิเนตคุณภาพสูงจะมี Core Board หนาแน่นมาก ผิวหน้าแข็งแรงไม่บวมง่าย มีการเคลือบกันน้ำอย่างดีไม่เว้นแม้แต่ส่วนของร่องลิ้น พื้นไม้ลามิเนตคุณภาพปานกลางจะมี Core Board ที่หนาแน่นน้อยกว่าพื้นไม้ลามิเนตคุณภาพสูง แต่ผิวหน้าจะแข็งแรงพอสมควร ในขณะที่พื้นไม้ลามิเนตคุณภาพต่ำส่วน core board จะมีความหนาแน่นน้อยและผิวหน้าบวมง่ายเมื่อโดนน้ำ
การแบ่งตามค่าความคงทน
การแบ่งตามค่าความคงทนของผิวหน้าของพื้นไม้ลามิเนต (Abrasion Resistance Class) จะมี 5 แบบ
1. ชั้นที่ 1 (AC 1) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 900 รอบ
- เหมาะกับการใช้งานแบบปานกลาง (Moderate Traffic)
- สำหรับติดตั้งพื้นบ้าน ห้องนอน เป็นต้น
2. ชั้นที่ 2 (AC 2) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 1,500 รอบ
- เหมาะกับการใช้งานแบบทั่วไป (General Traffic)
- สำหรับติดตั้ง พื้นห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก เป็นต้น
3. ชั้นที่ 3 (AC 3) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 2,000 รอบ
- เหมาะกับการใช้งานแบบค่อนข้างหนัก (Moderate to Heavy Traffic)
- สำหรับติดตั้ง พื้นห้องในโรงแรม อพาตเม้นต์ ห้องทำงานเล็กๆ เป็นต้น
4. ชั้นที่ 4 (AC 4) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 4,000 รอบ
- เหมาะกับการใช้งานหนัก (General Commercial Traffice)
- สำหรับติดตั้ง พื้นร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือในอาคารสำนักงาน เป็นต้น
5. ชั้นที่ 5 (AC 5) สามารถทนรอยขีดข่วนได้มากถึง 6,000 รอบ
- เหมาะกับการใช้งานในหนักมาก (Heavy Commercial Traffice)
- สำหรับติดตั้ง พื้นอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ค่าความคงทนของผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต ยิ่งมาก ก็หมายถึง พื้นไม้ลามิเนต สามารถทนต่อการขีดข่วนได้ดีมากเท่านั้น ดังนั้น AC5 จึงเป็นค่าที่ทนทานที่สุด โดย ไม้ลามิเนต ที่มีความคงทนของผิวหน้าต่ำ หรือ ค่า AC ต่ำ เป็นไม้ที่มีราคาถูกกว่าไม้ที่มีค่า AC สูง นี่เป็นเหตุผลนึ่ง ที่อธิบายถึงราคาพื้นไม้ลามิเนตที่ต่างกันในตลาดบ้านเรา
บริการเสริม บริษัทรับเหมาก่อสร้าง TAMPBUILDER
บริษัทรับเหมาก่อสร้างของเราทำแบบครบวงจร ONE STOP SERVICE
- บริการรับสร้างบ้าน (สนใจ กด >> บริษัทรับสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน)
- บริการรับออกแบบบ้าน เขียนแบบบ้านยื่นขออนุญาต (สนใจ กด >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน)
- บริการหาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา (สนใจ กด >> หาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา)
- บริการรับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา (สนใจ กด >> รับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา)
วิธีการเลือกซื้อ พื้นไม้ลามิเนต
ตามมาตรฐานในการผลิตพื้นไม้ลามิเนตของยุโรป ผู้ผลิตจะอธิบายความเหมาะสมต่อการใช้งานของพื้นลามิเนตไว้บนกล่องเป็นสัญลักษณ์หรือตัวเลข 2 หลัก โดยหลักแรกคือสถานที่ใช้งาน และหลักที่สองคือปริมาณการใช้งาน ดังนี้
1. เมื่อใช้งานในที่พักอาศัยให้เลือกใช้เลข 2 นำหน้า ตัวอย่างเช่น 21 สำหรับใช้ในที่พักอาศัยที่มีการใช้งานน้อย (ห้องนอน) หรือ 22 สำหรับใช้ในที่พักอาศัยที่มีการใช้งานปานกลาง (ห้องนั่งเล่น)
2. เมื่อใช้งานในที่สาธารณะให้เลือกใช้เลข 3 นำหน้า ตัวอย่างเช่น 31 สำหรับใช้ในที่สาธารณะที่มีการใช้งานน้อย (ห้องนอนในโรงแรม) หรือ 33 สำหรับใช้ในที่สาธารณะที่มีการใช้งานหนัก (โรงยิมหรือทางเดินในศูนย์การค้า)
ข้อควรระวังในการใช้ พื้นไม้ลามิเนต
1. ระวังเฟอร์นิเจอร์
พื้นลามิเนตนั้นไม่ถูกกับเฟอร์นิเจอร์ที่มีการขยับเขยื้อนบ่อย แม้ว่าจะมีการเคลือบผิวมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ขาเก้าอี้แหลม ๆ ก็อาจทำให้พื้นลามิเนตเป็นรอยได้เหมือนกัน
2. ไม่ทนความชื้น
ความเปียกชื้นนั้นส่งผลเสียโดยตรงกับพื้นลามิเนต โดยจะทำให้พื้นลามิเนตบวมแล้วดันกันจนพื้นเสียหาย หรือเดินแล้วมีอาการยวบยาบ นอกจากนี้ชั้นเคลือบผิวและชั้นปิดผิวอาจหลุดร่อนจนหมดความสวยได้ง่าย
3. ไม่ถูกกับปลวก
แม้จะเป็นวัสดุทดแทนไม้ แต่เนื้อในของพื้นลามิเนตก็ยังคงเป็นไม้ ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของปลวก แม้จะมีสารเคลือบใด ๆ มาช่วยปกป้องแล้ว แต่เจ้าของบ้านก็ควรหมั่นตรวจสอบและป้องกันให้ดี
4. พื้นที่ปูพื้นต้องเรียบ
การปูพื้นลามิเนตนั้นมีข้อเสียกว่ากระเบื้องตรงพื้นที่การปูต้องเรียบเสมอกันทั้งหมด ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งลาดหรือเอียง เนื่องจากพื้นลามิเนตนั้นมีข้อล็อกระหว่างแผ่น หากพื้นเรียบไม่เท่ากัน พื้นไม้ลามิเนตก็จะประกบกันไม่ได้
อ่านเพิ่มเติม พื้นไม้จริง
การเตรียมพื้นผิวก่อนติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต
1. ตรวจสภาพความเรียบร้อยของพื้นผิวก่อนทำการปู จะต้องเรียบ เสมอกัน แข็งแรงสะอาดปราศจากเม็ดกรวดและได้ระดับ หากระดับเกิน 2 มม. ต่อ 1 ตารางเมตร ต้องปรับระดับก่อน
2. ตรวจสอบความสูง-ต่ำ ของพื้น โดยใช้ฆ้อนตอกตะปูที่กลางห้อง แล้วผูกด้วยเชือกวัดระดับดึงให้ตึงแล้ววางทาบกับพื้นในระดับสายตา ให้ทั่วทั้งห้อง ตรวจสอบระดับพื้นผิวสูงต่ำต้องไม่เกิน 2 มิลลิเมตร
3. ควรเตรียมพื้นปูนเป็นปูนฉาบเรียบ พื้นต้องแห้งสนิทไม่มีความชื้น หากเป็นพื้นที่เทคอนกรีตใหม่ต้องทิ้งพื้น ไว้อย่างน้อย 20 วัน
4. ควรวางระบบกำจัดปลวก
5. ตรวจสอบสภาพห้องต้องไม่มีน้ำรั่วซึมบริเวณพื้นและผนังรอบพื้นห้อง
6. ถ้าพื้นเดิมเป็นวัสดุหินอ่อน หินแกรนิต กระเบื้อง หินขัด ปาร์เกต์ หรือกระเบื้องยาง และยังอยู่ในสภาพดี
ไม่มีการหลุดร่อนหรือมีปัญหา สามารถปูพื้นไม้ลามิเนตทับได้
7. เมื่อติดตั้งแล้วควรเข้าอยู่ทันทีหรือภายใน 15 วัน หากไม่สามารถเข้าอยู่ได้ภายใน 15 วัน ควรให้ภายในห้องที่ติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต มีอากาศถ่ายเท อาทิเช่น เปิดหน้าต่างอย่างน้อย 8 ชม./วัน หรือเปิดเครื่องปรับอากาศอย่างน้อย 5 ชม./วัน
การติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต
1. การตรวจสอบสภาพความพร้อมของผิวพื้น
1.1 ให้ทำความสะอาดด้วยการใช้เครื่องดูดฝุ่น อย่าให้มีเม็ดหิน หรือวัสดุใดอยู่บนพื้น
1.2 ถ้าเป็นพื้นผิวปูน ต้องมีลักษณะขัดเรียบ ระดับต่างกันไม่เกิน 5 มม. ถ้าระดับต่างกันมาให้แก้ไขโดยปรับระดับด้วยปูน, เจียร์หรือสกัดส่วนนูนออก, ใช้พื้นสำเร็จรูปจำพวกแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์
1.3 พื้นผิวที่มีวัสดุเดิม เช่น หินขัด, หินอ่อน, กระเบื้องเซรามิค, กระเบื้องยาง, พื้นไม้ปาร์เกต์ที่มีลักษณะราบเรียบไม่หลุดร่อน สามารถปูทับได้
1.4 พื้นผิวที่มีวัสดุเดิม แต่มีการหลุดร่อน, ปลวกกิน หรือมีความชื้น ควรรื้อถอนและปรับพื้นผิวปูนก่อน
1.5 ถ้าพื้นเดิมปูพรม ควรรื้อออก, ทำความสะอาดพื้น และตรวจสอบสภาพพื้นก่อนปู
2. การตรวจสอบความชื้นของพื้นที่ปู
โดยพื้นห้องควรมีความชื้นไม่เกิน 8% โดยใช้เครื่องวัดความชื้นบริเวณพื้นหน้าที่ปู
2.1 กรณีต้องการให้พื้นปูนแห้งเร็ว ควรใช้ Spot-light หรือใช้ปูนฉาบสำเร็จชนิดแห้งเร็ว
2.2 กรณีเทปูนทรายปรับหน้าพื้นคอนกรีต ควรทิ้งช่วงเวลา 3-4 สัปดาห์
3. คำนวณพื้นที่ห้องเพื่อกำหนดการวางแนวในการปูพื้น
โดยคำนวณให้เศษเหลือน้อยที่สุด ซึ่งโดยทั่วไปจะกำหนดการปูเป็น 2 รูปแบบคือ
3.1 การปูแบบก่ออิฐ การปูลักษณะนี้จะต้องเผื่อไม้พื้นที่ต้องใช้ให้มากกว่าพื้นที่จริง ประมาณ 10%
3.2 การปูแบบต่อเนื่อง การปูลักษณะนี้จะต้องเผื่อไม้พื้นที่ต้องใช้ให้มากกว่าพื้นที่จริงประมาณ 3-5%
สำหรับการคำนวณพื้นที่ ที่ไม่ใช่รูปทรงสี่เหลี่ยมเช่นวงกลมหรือสามเหลี่ยม พื้นที่ลักษณะดังกล่าวจะใช้ ไม้พื้นมากกว่าพื้นที่จริงประมาณ 30-40%
4. ปูผิวชั้นแรกด้วย E โฟม
โดยให้ด้านที่เป็นพลาสติกอยู่ด้านล่างสัมผัสพื้นและปิดรอยต่อด้วยเทปกาว ห้ามให้เกยกันเด็ดขาด
5. ตรวจสอบการเปิดปิดประตู
เมื่อปูพื้นเสร็จแล้วประตูต้องห่างจากพื้นปูประมาณ 20 มม. (ต้องทำประตูให้เสร็จก่อนปูพื้นเสร็จ)
อ่านเพิ่มเติม วิธีการติดตั้ง พื้นไม้ลามิเนต ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
สิ่งที่ควรรู้ของ พื้นไม้ลามิเนต
1. ทนต่อรอยขีดข่วน หรือกระทั่งกรงเล็บของสัตว์เลี้ยง
2. ทนต่อแรงตกหรือกดกระแทก
3. ทนความร้อนของก้นบุหรี่ และคราบนิโคตินสามารถเช็ดออกได้โดยง่าย
4. ไม่เป็นคราบ สามารถเช็ดออกได้
5. สีและลายไม่ซีดจาง แม้จากการตากโดยตรงก็ตาม
6. ดูแลรักษาความสะอาดง่าย และทนต่อน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ที่ใช้ภายในบ้าน ไม่สามารถทำให้ผิวหน้าเป็นรอยได้
7. ปลอดภัยเนื่องจากพื้นไม้ลามิเนตไม่มีขั้นตอนการผลิตที่ต้องใช้สาร Dioxins จึงปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้วยพื้นผิวที่สะอาดถูกสุขอนามัยไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้
8. แข็งแรงมาก แม้การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ทำให้เกิดรอย (สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำเมื่อวางของหนักๆ บนพื้นก็ใช้สักหลาด รองส่วนที่สัมผัสกับพื้นเท่านั้น)
9. ติดตั้งได้ง่ายและเร็ว สามารถติดตั้งทับบนพื้นเดิมได้ง่าย
บริการของเรา
กดที่นี่!! >> บริษัทรับสร้างบ้าน
กดที่นี่!! >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน
ข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต
1. ระบบการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตเป็นแบบคลิกล็อค ทำให้รอยต่อระหว่างแผ่นไม้แนบสนิททุกแผ่น
2. พื้นไม้ลามิเนต ติดตั้งง่าย และ รวดเร็ว ด้วยระบบ คลิกล็อค
3. สามารถติดตั้งทับพื้นกระเบื้อง หรือ กระเบื้องยางเดิมได้เลย
4. น้ำหนักเบา
5. ผิวหน้าทนทานต่อรอยขูดขีด
6. พื้นไม้ลามิเนต ทนต่อขี้เถ้าบุหรี่ และ ความร้อน เนื่องจากผิวหน้าเคลือบด้วย wear layer ที่มีความทนทานสูง
7. ทนต่อแรงกกดทับได้ดี
8. ผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต ทนต่อแสงแดด สารเคมี และไม่ติดไฟ
9. ไม่เกิดไฟฟ้าสถิต
10. ไม่เกิดเชื้อรา แบคทีเรีย ไม่เก็บฝุ่น และ เชื้อโรค
11. การดูแลรักษาพื้นไม้ลามิเนต ง่าย เพียงใช้ไม้กวาด หรือ เครื่องดูดฝุ่น และ ถูด้วยไม้ถูพื้นบิดหมาด
12. ผิวหน้าไม่ลื่น
13. ไม่เย็นเท้า
14. สามารถใช้งานได้ทันที หลังจากติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต เรียบร้อยแล้ว
ข้อเสียของพื้นไม้ลามิเนต
1. วัสดุพื้นไม้ลามิเนต ผลิตจากไม้จริง เป็นไม้ indoor ไม่เหมาะกับการติดตั้งภายนอกอาคาร
2. พื้นที่ที่จะติดต้ัง จะต้องเรียบได้ระดับ คือ ไม่เป็นแอ่งกระทะ หรือ นูน มิฉะนั้นเวลาติดตั้งไปแล้ว อาจเกิดเสียงเวลาเดิน
3. ไม่สามารถขัดผิวหน้าออก เพื่อทำสีใหม่ได้
4. เนื่องจากพื้นไม้ลามิเนตมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าไม้จริงหลายเท่า ทำให้ไม่ถูกกับอากาศร้อนดังนั้นหากติดตั้งในห้องที่ต้องเผชิญกับแสงแดดแรง ๆ จึงควรเปิดหน้าต่างเป็นประจำ เพื่อให้อากาศถ่ายเท ไม่เช่นนั้นไม้อาจเกิดการบวมโก่ง หรือยุบยวบได้
5. ไม้ประเภทนี้ยังไม่ถูกกับความชื้นไม่ว่าจะเป็น ความชื้นจากการรั่วซึม พื้นหน้าห้องน้ำ หรือความชื้นจากพื้นใต้คอนกรีต ดังนั้นควรระวังความชื้นเหล่านี้ เพราะเป็นสาเหตุให้ไม้มีการบวมพองได้
6. การทำความสะอาดต้องทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ใช้ผ้าชุบน้ำ ไม้ถูพื้น หรือเครื่องดูดฝุ่นเท่านั้นไม่ควรใช้ผ้าเปียกเกินไป และไม่ควรใช้การขัดมัน
7. หากไม้ได้รับความชื้นเลย อาจเป็นสาเหตุให้ปลวกแทะได้
ข้อควรทำ
1. คิดถึงสถานที่ที่จะปูพื้น ตัดสินได้จากการเดินผ่านไปมาว่ามากน้อยขนาดไหนและระดับความชื้น เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจได้ว่าพื้นแบบไหนเหมาะที่สุด อย่าลืมเช็ค AC rating ด้วย
2. เลือกแผ่นรองที่สามารถป้องกันความชื้นที่มาจากใต้พื้นได้
3. อ่านคู่มือการติดตั้งอย่างละเอียด
4. จ้างช่างมาถ้าไม่แน่ใจว่าจะทำได้
5. ต้องมั่นใจว่าชั้นใต้พื้นได้ระดับ สะอาดและแห้ง
6. เมื่อปูพื้นไม้ลามิเนต คุณควรจะเว้นระยะห่างจากเส้นรอบวงของบริเวณที่จะปูสัก 10 มม. ซึ่งรวมไปถึงการเว้นระยะห่างนี้ให้กับเครื่องเรือนหรือวัสดุที่เคลื่อนย้าย ไม่ได้ด้วย ควรเว้นไว้เพราะต้องเผื่อการขยายตัวด้วย เมื่อใช้ไปพื้นไม้ลามิเนตจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบ้าง
7. เมื่อปูพี้นไม้ลามิเนตไปแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรหกลงพื้นก็ควรทำความสะอาดอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน
8. ใช้ไม้ม๊อบหมาดๆหรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด
9. ใช้แผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ เพื่อลดโอกาสการเกิดรอยขีดข่วน
10. ถ้าทำได้ก็ให้ยกเฟอร์นิเจอร์หนักๆอย่าลากไปตามพื้น
11. นอกจากแผ่นรองขาแล้ว ให้ใช้ชิ้นผ้ารองเฟอร์นิเจอร์หนักๆใหญ่ๆก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมันบนพื้นลามิเนต ถ้ามันหนักมากก็อย่าลืมหาผู้ช่วยมาด้วย
12. ถ้าห้องถูกแสงแดดโดยตรงก็ควรปิดผ้าม่านหรือที่บังแดดเพื่อลดโอกาสการเกิดสีซีดจาง
ข้อหลีกเลี่ยง
1. การปูพื้นไม้ลามิเนตบนพื้นพรม
2. ปูพื้นไม้ลามิเนตบริเวณที่ความชื้นสูง
3. ปูทั้งๆที่แถวแรกมันเบี้ยว แถวแรกมีความสำคัญต่อการปูพื้นที่เหลือทั้งหมดมาก
4. ใช้แว๊กซ์ น้ำยาขัดเงา หรือน้ำยาขัดพื้นทำความสะอาดพื้นไม้ลามิเนต เพราะมันจะก่อความเสียหายได้
5. การเคลือบเงาหรือขัดพี้นไม้ลามิเนต
6. ใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของสบู่ หรือน้ำยาขัดเงาต่างๆบนพื้นไม้ลามิเนต
7. เดินบนพื้นไม้ลามิเนตขณะสวมรองเท้าส้นแหลม หรือรองเท้ากีฬาที่ปุ่มมีโลหะหรือเดือย
8. ราดน้ำลงบนพื้นเพื่อทำความสะอาด นั่นอาจทำให้พื้นไม้ลามิเนตของคุณกลายเป็นลอนๆได้
การดูแลรักษาพื้นไม้ลามิเนต
- หากมีคราบสกปรก ควรทำความสะอาดและไม่ควรปล่อยทิ้งคราบสกปรกไว้เป็นระยะเวลานาน
- สามารถทำความสะอาดโดยการใช้นำยาทำความสะอาด ไม้ถูพื้นและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ
- ก่อนการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักมาก ควรใช้แผ่นรองหรือผ้ารองเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน
- การใช้แผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์ สามารถลดการเกิดรอยขีดข่วนบนพื้นไม้ประเภทนี้ได้มากขึ้น เป็นการยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้น
- ไม่ควรเดินบนพื้นไม้ประเภทนี้ด้วยรองเท้าส้นแหลมหรือรองเท้ากีฬาที่มีปุ่มโลหะ เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหาย
- ไม่ควรราดน้ำบนพื้นเนื่องจากความชื้นอาจทำให้พื้นเป็นลอนคลื่นได้
- ถ้าพื้นภายในห้องต้องกระทบกับแสงแดดโดยตรงเป็นระยะเวลานาน ๆ ควรใช้วิธีการปิดม่าน เพื่อยืดอายุการใช้งานของพื้นให้ซีดจางช้าลง
อ่านเพิ่มเติม พื้นไม้เอ็นจิเนียร์
วิธีการตรวจสอบสภาพไม้ลามิเนตหลังติดตั้งเสร็จ
หากทำการติดตั้งแล้ว สามารถตรวจสอบความละเอียดและความสมบูรณ์ของการติดตั้งไม้ลามิเนตได้ เพื่อป้องกันความเสียหายจากการใช้งานในอนาคต โดยสามารถตรวจสอบได้จากตาเปล่าและการสัมผัส โดยในการตรวจรับงานที่ติดตั้งพื้นไม้ประเภทนี้ ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนรับมอบงาน เพื่อให้ผู้รับเหมาหรือผู้ติดตั้ง แก้ไขงานให้เรียบร้อยก่อนใช้งานจริง โดยข้อควรสังเกตมีดังนี้
1. สีของพื้นไม้ประเภทนี้เมื่อติดตั้งแล้วควรมีโทนสีและลวดลายไปในโทนเดียวกัน
ไม่ควรมีชิ้นไหนที่มีสีโดดจากชิ้นอื่นอย่างเห็นได้ชัด
2. ผิวหน้าของไม้ประเภทนี้จะต้องไม่มีรอยขีดข่วน ฉีกขาด หรือมีรอยบิ่นหากพบร่องรอยต้องให้ช่างติดตั้งใหม่
3. บริเวณรอยต่อของไม้ประเภทนี้นั้นจะต้องมีความเรียบสนิท ไม่มีรอยนูน ไม่มีร่องห่าง และรอยต่อระหว่างพื้นไม้ลามิเนตกับบัวจะต้องทำการเก็บซิลิโคนให้เรียบร้อย ควรตรวจเช็คว่ามีรอยห่างระหว่างพื้นกับบัวหรือไม่
4. พื้นไม้ลามิเนตจะต้องมีความราบไปกับระนาบพื้นที่ติดตั้งไม่โก่งนูน หรือลาดเอียงเด็ดขาด
5. พื้นไม้ประเภทนี้จะต้องไม่มีความยวบหรือยุบโดยหากลองสัมผัสแล้วพบว่ามีความยวบ นั่นเพราะมีสาเหตุมาจากพื้นด้านล่างไม่เป็นระนาบ ควรรื้อถอนเพื่อติดตั้งใหม่อีกครั้ง
6. หากลองสัมผัสด้วยการเหยียบหรือเดินแล้วพบว่าพื้นมีความยวบ แต่ไม่จมลงจนมากเกินไป หรือพบฝุ่นออกมาเฉพาะบริเวณที่เป็นขอบ ต้องให้ช่างทำการแก้ไขด้วยเช่นกัน
7. พื้นไม้ประเภทนี้จะต้องไม่มีการพอง บวมน้ำไม่ว่าจุดใดจุดหนึ่งก็ตาม
งานบริการยอดนิยมจาก บริษัทTAMPBUILDER ออกแบบ เขียนแบบ ถอดแบบ รับเหมาก่อสร้างบ้านและอาคาร ครบวงจร