ผู้รับเหมาก่อสร้าง จากครอบครัวช่างผู้รับเหมา ราคาถูก ไม่ทิ้งงาน

ผู้รับเหมาก่อสร้าง

ผู้รับเหมาก่อสร้าง คือ บุคคลที่รับจ้างก่อสร้างอาคาร หรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ โดยวิธีเหมา และสำหรับคำว่าเหมาหากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การคิดเป็นจำนวนรวม เช่น การรับเหมาก่อสร้างที่รวมทั้งค่าแรง ค่าวัสดุก่อสร้าง ไว้ในงบประมาณเดียวกัน ซึ่งสะดวกสบายต่อผู้ว่าจ้าง คุ้มค่า และไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเปรียบเหมือนกับจ้างรายวัน

บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง TAMPBUILDER ของเราเป็นบริษัท รับเหมาก่อสร้างรายย่อย รับสร้างบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ ทาวน์เฮ้าส์(ทาวน์โฮม) อพาร์ทเม้นท์ คอนโด หอพัก โรงแรม รีสอร์ท โกดัง คลังสินค้า สำนักงาน โรงงาน งานก่อสร้างทุกประเภทและอื่นๆ ด้วยประสบการณ์ก่อสร้างตึกและอาคารกว่ามายาวนานมีคุณภาพ พร้อมรับประกันโครงสร้างและส่วนต่างๆ

เริ่มต้นโดยการบอกต่อมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปีพ.ศ.2494 อยู่ใกล้ฉัน ในจังหวัด กรุงเทพ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร/ปราการ นครปฐม สุพรรณ ไว้ใจได้ ไม่ทิ้งงาน ซื่อสัตย์ยุติธรรม พร้อมให้บริการ พูดคุยต่อรอง ไม่ต้องเสียเวลาหาจาก pantip

 

สารบัญ

 

กฎหมายป้องกัน ผู้รับเหมาก่อสร้าง ทิ้งงาน – เอาเปรียบ

ปัญหาที่พบบ่อยมาก ของผู้จ้างงานรับเหมาก่อสร้าง (เลือกผู้รับเหมาที่เสนอราคาต่ำที่สุดก็อาจจะไม่ใช่ผู้รับเหมาที่ดีสุดควรดูรายละเอียดของงาน เจ้าที่ถูกอาจจะทิ้งงานได้ถ้าขาดทุนเพราะเสนอราคาต่ำ อยากได้งาน แต่ทำจริงๆ ทำไม่ได้) ที่อาจเคยเจอเกี่ยวกับบ้าน ก็คือ ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ทำงานไม่ได้ดั่งใจ หรือหนักหน่อยก็ถึงขนาดทิ้งงาน หรือโกงกันเลยทีเดียว บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง TAMPBUILDER จึงขอนำเสนอแนวทางการว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างให้ปลอดภัยตามกฎหมาย ดังนี้

จ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรไหม

สัญญาจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างนั้น เป็นสัญญาชนิดหนึ่งที่ตามกฎหมายเรียกว่า สัญญาจ้างทำของ โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 587 บัญญัติไว้แบบนี้

“มาตรา 587 อันว่าจ้างทำของนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจ้าง ตกลงจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น”

จากตัวบทกฎหมายข้างต้นก็จะเห็นว่า สัญญาจ้างทำของนั้นประกอบไปด้วยคู่สัญญาสองฝ่าย ฝ่ายแรกเรียกว่าผู้ว่าจ้าง ซึ่งจ่ายเงินให้อีกฝ่ายเรียกว่าผู้รับจ้าง เพื่อให้ทำงานสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ และจะสังเกตได้ว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งก็หมายความว่า ว่าจ้างกันปากเปล่า ไลน์คุยกันก็ถือเป็นสัญญา ฟ้องร้องบังคับกันได้ตามกฎหมาย

 

ปัญหาที่มักเกิดขึ้นจากการจ้าง ผู้รับเหมาก่อสร้าง

ในงานรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กอย่างที่ผู้บริโภคใช้บริการกันในชีวิตประจำวัน ปัญหาแรกที่มักเกิดขึ้นคือ ความไม่ชัดเจนของเนื้อหาสัญญา เนื่องจากตกลงกันด้วยปากเปล่า หรือมีเอกสารเพียงง่ายๆย่อๆ พอเวลานานไปสิ่งที่เคยตกลงกันไว้ด้วยปากเปล่าก็ลืมเลือนกันไป หรือไม่เช่นนั้นก็ถูกผู้รับเหมาบิดพลิ้วไม่รับว่าเคยตกลงกันแบบนั้น

ทางแก้ที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือ การทำสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษร บางกรณีอาจไม่ต้องถึงขนาดว่าจ้างทนายความร่างสัญญาก็ได้ แต่ต้องมีรายละเอียดที่สำคัญ ๆ ในลักษณะเป็น term sheet รายละเอียดที่สำคัญที่ควรจะมีก็เช่น

1. เนื้อหาของงาน

ครอบคลุมสิ่งใดบ้าง สิ่งใดบ้างที่ไม่ครอบคลุม ระบุให้ชัดเจน

2. แบบก่อสร้าง

ถ้าเป็นงานที่จำเป็นต้องมีแบบก็ต้องมีแบบก่อสร้างให้ชัดเจน แต่ถ้าไม่ต้องมีแบบอาจจะมีแค่แผนผัง หรือมีแค่รูปร่างคร่าวๆ ของงานที่จะทำก็ได้

3. ระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จ

4. เงินชำระล่วงหน้า(Advance)

ปกติงานก่อสร้างจะต้องมีการชำระเงินล่วงหน้าบางส่วนให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อให้

ผู้รับเหมาก่อสร้างมีสภาพคล่องไปซื้อวัสดุ ว่าจ้างแรงงาน เพื่อเริ่มต้นทำงาน

5. หลักประกันการทำงาน

ในกรณีโครงการเล็กๆ อาจไม่มีหลักประกัน แต่ถ้าเป็นโครงการที่มีมูลค่ามากสักหน่อยก็ควรจะมีการเรียกหลักประกันการทำงาน เพื่อเป็นประกันว่าผู้รับเหมาจะไม่ทิ้งงาน หรือหากทำงานเสียหายก็นำมาหักชดใช้ หลักประกันก็อาจเป็นหนังสือค้ำประกันของธนาคาร หรือเช็คลงวันที่ล่วงหน้า หรือหลักประกันแบบอื่นๆ ที่คู่สัญญาตกลงกัน

6. การเบิกจ่ายเงินค่าจ้าง

ซึ่งควรเป็นไปตามความคืบหน้าของงาน

7. ต่อเนื่องจากการเบิกจ่ายเงินค่าจ้าง

คือความคืบหน้าของงานแต่ละงวด งานส่วนใดต้องแล้วเสร็จในเวลาใด ซึ่งจะส่งผลต่อการเบิกเงินค่าจ้างตามความคืบหน้าของงาน

8. รายละเอียดของวัสดุอุปกรณ์

หากมีลักษณะหรือความต้องการพิเศษต้องระบุให้ชัดเจน

9. กรณีงานเพิ่มงานลดจะคิดราคากันอย่างไร

โดยปกติก็ให้คิดราคากันตามหน่วย ในกรณีแบบนี้ก็ต้องมี BOQ หรือ Bill Of Quantity ซึ่งจะระบุราคาต่อหน่วยของวัสดุทุกอย่างที่ใช้ในงานก่อสร้าง ถ้าหากมีงานเพิ่มลดก็ให้คิดจาก BOQ นี้ แต่ในงานก่อสร้างขนาดเล็กก็อาจไม่ต้องมีส่วนนี้ก็ได้

10. เงินประกันผลงาน

– การตรวจรับงานแต่ละงวด การส่งมอบงานทั้งหมด จะต้องมีหลักฐานอะไรบ้าง เมื่อแล้วเสร็จตรวจกันอย่างไรในแต่ละงวด งานที่ส่งมอบต้องมีการส่งมอบแบบแปลน หรือส่งมอบคู่มือ หรือเอกสารรับประกันกันด้วยหรือไม่ เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบเครื่องปรับอากาศ งานพวกนี้ต้องมีคู่มือและเอกสารรับประกัน

– กำหนดระยะเวลารับประกันผลงาน หรือรับประกันความชำรุดบกพร่อง เช่น หนึ่งปีนับจากวันที่งานแล้วเสร็จ ถ้ามีความชำรุดบกพร่องของงาน ผู้รับเหมาต้องรับผิดซ่อมแซม มิเช่นนั้นผู้ว่าจ้างสามารถนำเงินประกันผลงานมาหักออกเป็นค่าซ่อมได้

กดดู >> ตัวอย่างสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง 

 

ป้องกันผู้รับเหมาทิ้งงานได้อย่างไร และดำเนินคดีอาญาได้ไหม

ปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานนี่เป็นปัญหาใหญ่ของผู้บริโภคเลยทีเดียว และก็ไม่มีมาตรการที่สามารถแก้ไขได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยทั่วไปแล้วการป้องกันผู้รับเหมาทิ้งงานจึงทำได้แค่

– เลือกผู้รับเหมาที่ไว้วางใจได้ ไม่มีประวัติทิ้งงาน

– อย่าเลือกผู้รับเหมาที่ราคาต่ำสุดเพียงอย่างเดียว หลาย ๆ กรณี การทิ้งงานเกิดจากที่ผู้รับเหมารับงานมาในราคาต่ำเกินจริงจนไม่สามารถทำได้ เมื่อเบิกเงินล่วงหน้าไปจำนวนหนึ่ง ทำงานไปนิดหน่อยก็ทิ้งงาน เพราะเห็นว่าขาดทุนแน่ๆ ดังนั้น จึงควรเลือกผู้รับเหมาที่เสนอราคาเหมาะสม เป็นไปได้ และมีความน่าเชื่อถือ

– อย่าจ่ายเงินล่วงหน้าหรือ Advance เยอะมาก โดยทั่วไปก็ควรอยู่ราวๆ ร้อยละ ๑๐ ของมูลค่างาน

– กำหนดงวดการเบิกจ่ายค่าจ้างอย่างเหมาะสม ให้เนื้อหาของานที่ทำในแต่ละงวดเหมาะสมกับค่าจ้างที่ชำระด้วย โดยต้องคำนึงถึงเงินล่วงหน้าหรือ Advance ที่ชำระไปแล้วด้วย

– เรียกหลักประกันการทำงาน ถ้าทำได้ แต่ในกรณีโครงการเล็ก ๆ เรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้

– คอยตรวจตราความคืบหน้าของงานเสมอ เพื่อที่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะได้รับทราบและไหวตัวทันแต่เนิ่นๆ ไม่ชำระเงินไปจนเกินความคืบหน้าของงาน จนผู้รับเหมาทิ้งงานไป

ปัญหาอย่างหนึ่งที่ผู้บริโภคสงสัยคือ ผู้รับเหมาทิ้งงานเราสามารถดำเนินคดีอาญาได้หรือไม่ คำตอบของผู้เขียนคือ โดยทั่วๆ ไปแล้ว 90% ไม่เป็นคดีอาญา เป็นแค่เพียงการผิดสัญญาทางแพ่ง ถ้าหากจะถึงขนาดมีมูลเป็นความผิดอาญา ผู้รับเหมานั้นจะต้องมีเจตนาไม่ทำงานมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ใช้อุบายหลอกลวงลูกค้าให้ชำระเงินให้โดยหลอกให้เชื่อว่าจะทำงานให้ แต่ถ้าทำงานไปแล้วทิ้งเพราะขาดทุน แบบนี้ไม่ใช่คดีอาญา

เงินประกันผลงานคืออะไร ช่วยคุ้มครองเจ้าของงานได้อย่างไรบ้าง

ในสัญญาก่อสร้างมักจะกล่าวถึงสิ่งหนึ่งคือ เงินประกันผลงาน หรือ Retention ซึ่งเป็นเงินที่เจ้าของงานหักออกจากค่าจ้างที่จะต้องจ่ายแต่ละงวด และจะคืนให้เมื่อครบเวลาที่กำหนด ซึ่งเรียกว่ากำหนดระยะเวลารับประกันผลงาน โดยในระหว่างเวลานี้ถ้ามีความชำรุดบกพร่องในงาน เจ้าของงานก็จะเรียกให้ผู้รับเหมามาซ่อมแซมให้ ถ้าไม่ซ่อม เจ้าของงานก็จะเรียกผู้รับเหมาอื่นมาซ่อมแล้วหักค่าจ้างออกจากเงินประกันผลงานนี้ได้

โดยทั่วไปเงินประกันผลงานนี้ก็จะอยู่ประมาณ 5% หรือ 10% ของเงินค่าจ้างแต่ละงวด เช่น งวดนี้ถึงกำหนดชำระ 100,000 บาท ก็จะหักเงินประกันผลงานออก 10,000 บาท เหลือจ่ายจริงแค่ 90,0000 บาท หักไปทุกงวดแบบนี้จนงานเสร็จ แล้วก็จะคืนเมื่อครบกำหนดระยะเวลารับประกันผลงาน ซึ่งโดยปกติทั่วไปก็จะมีระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่ส่งมอบงาน

เงินประกันผลงานนี้เป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งให้เจ้าของงานมีหลักประกันว่าถ้าผู้รับเหมาทำงานไม่เรียบร้อยจะต้องกลับมาซ่อมแซมให้ ผู้เขียนจึงแนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ให้กำหนดไว้ประมาณ 10% แต่ก็ไม่ควรเกินกว่านี้ เพราะถ้ามากเกินไปผู้รับเหมาอยู่ไม่ได้ก็จะทำให้เกิดการทิ้งงานได้อีก

แต่ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลารับประกันผลงานนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องโครงสร้าง ถ้าเป็นความชำรุดบกพร่องในโครงสร้างของสิ่งปลูกสร้างกับพื้นดิน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 600 กำหนดไว้ 5 ปีนับแต่วันส่งมอบ

สรุปแล้วการว่าจ้างผู้รับเหมาไม่มีสูตรสำเร็จในการป้องกันความเสียหาย แต่ต้องใช้ความรอบคอบในการทำสัญญา เลือกหาผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้ และคิดถึงใจเขาใจเรา ไม่ว่าจ้างในราคาต่ำเกินจนผู้รับเหมาอยู่ไม่ได้ และคอยตรวจตราความคืบหน้าของงานอยู่เสมอ

 

บริการเสริม บริษัทรับเหมาก่อสร้าง TAMPBUILDER

บริษัทรับเหมาก่อสร้างของเราทำแบบครบวงจร ONE STOP SERVICE

  1. บริการรับสร้างบ้านหรู (สนใจ กด >> รับสร้างบ้านหรู luxury โมเดิร์น)
  2. บริการรับออกแบบบ้าน เขียนแบบบ้านยื่นขออนุญาต (สนใจ กด >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน)
  3. บริการหาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา (สนใจ กด >> หาผู้รับเหมา หาช่างรับเหมา)
  4. บริการรับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา (สนใจ กด >> รับทำBOQ รับถอดแบบและประมาณราคา)

 

การแบ่งประเภทของ ผู้รับเหมาก่อสร้างบ้าน

สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ

1.ผู้รับเหมาที่ดำเนินการในรูปแบบบริษัทรับสร้างบ้าน มีบทบาทหน้าที่หลักในการรับสร้างบ้านอย่างชัดเจน

2.ผู้รับเหมาที่ดำเนินการในรูปแบบนิติบุคคล มุ่งเน้นการให้บริการสร้างบ้านแบบครบวงจร เช่น มีแบบบ้านมาตรฐานให้เลือก ทำการออกแบบบ้านใหม่ให้ด้วย ที่สำคัญผู้รับเหมากลุ่มนี้จะเพียบพร้อมไปด้วย วิศวกร สถาปนิก ฝ่ายบริการลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย หรือเรียกฉายภาพให้ชัดเจนในรูปแบบ บริษัทรับสร้างบ้านนั้นเอง ซึ่ง บริษัทรับสร้างบ้าน TAMPBUILDER เป็นแบบนี้

ได้บ้านในฝันตามงบประมาณ ราคายุติธรรม ช่างผู้รับเหมาไม่ทิ้งงาน

กด >> รับสร้างบ้าน

3.ผู้รับเหมาที่ดำเนินการโดยตัวบุคคล กลุ่มนี้จะพบบ่อยในงานสร้างบ้านทั้งหลัง ต่อเติม ซึ่งช่างกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีประสบการณ์สูงและมีชื่อเสียงที่ดี

ผู้รับเหมาก่อสร้างถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการปลูกสร้างบ้านเช่นกัน เพราะนอกจากความชำนาญยังต้องอาศัยประสบการณ์และความเข้าใจในรูปแบบบ้านที่จะปลูกตามที่ผู้อยู่อาศัยต้องการ

 

ข้อควรระวัง ก่อนจ้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างบ้าน

1. หาผู้รับเหมาที่เป็นบริษัท หรือเป็นสมาชิกธุรกิจรับสร้างบ้าน

ข้อแนะนำอย่างแรกเลยคือ ควรเลือกผู้รับเหมาในรูปแบบนิติบุคคลมากกว่าบุคคลธรรมดาตัวคนเดียว เพราะการก่อสร้างบ้านต้องมีวิศวกร และสถาปนิกที่มีวิชาชีพประกอบกันเป็นทีมงานขึ้นมา

นอกจากนี้ เราควรขอเยี่ยมชมผลงานในอดีตด้วยว่าเป็นอย่างไร และควรเยี่ยมชมออฟฟิศผู้รับเหมาด้วยเพื่อดูว่ามีที่อยู่หลักแหล่งหรือเปล่า สอบถามดูว่าตอนนี้มีงานล้นมือหรือไม่ ถนัดงานก่อสร้างตึกแถวหรือบ้านเป็นหลังๆ

นอกจากนี้ ถ้าเป็นไปได้ และเรารับเรื่องราคาได้ อาจลองพิจารณาเลือกรายที่เป็นสมาชิกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เพราะจะมีข้อได้เปรียบเช่น มีกติกาว่าให้ใช้สัญญารับเหมามาตรฐาน(แต่หลายรายก็อาจมีการดัดแปลงไม่ใช้แบบฟอร์มนี้ 100%) บริษัทที่จะเข้าเป็นสมาชิกได้ต้องมีคุณสมบัติน่าเชื่อถือระดับหนึ่ง เช่น ต้องมีสถาปนิก และวิศวกรประจำในองค์กร ต้องมีผลงานรับสร้างบ้านมาแล้วไม่น้อยกว่า 30 โครงการ เป็นต้น สุดท้ายลองติดต่อหลายๆ รายเพื่อทราบราคาประมาณการ และราคาเบื้องต้นดู

2. ระวังสัญญาเตือนผู้รับเหมาที่ไม่น่าจะดี

ก่อนที่จะจ้างผู้รับเหมา เราต้องยอมรับความจริงกันก่อนว่า งานรับเหมาบ้านจะออกมาดี หรือไม่ดีขึ้นอยู่กับ “ความรับผิดชอบ” และ “สามัญสำนึก” ของผู้รับเหมาและทีมงานเป็นสำคัญ สัญญาณเตือนที่ต้องระวัง ผมขอแบ่งเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มแรก คือ พวกบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นนิติบุคคล และเป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน สัญญาณเตือนที่ไม่ดีของกลุ่มนี้คือ ชอบรับงานเยอะๆ ในปีหนึ่งๆ รับงานแบบไม่มีจำกัดโครงการเลย หรือชอบช่วงงานต่อให้ผู้รับเหมารายย่อย หรือมีคนวิจารณ์และด่าไว้เยอะๆ ในอินเตอร์เนต เราอาจต้องระวังบริษัทพวกนี้ไว้ให้ดี

กลุ่มสอง คือ พวกบริษัทรายย่อยไม่ได้สังกัดสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน หรือผู้รับเหมาที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ได้สังกัดบริษัท สัญญาณเตือนที่ไม่ดีของกลุ่มนี้ก็เช่น ยึกยักไม่ค่อยอยากทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้รับเหมามีหน้าตาโหงวเฮ้งที่เจ้าเล่ห์ มีพฤติกรรมที่จ้องจะโกงหรือเอาเปรียบเราตลอด ราคาต่ำผิดปกติ ถามอะไรก็ตอบว่าทำได้หมด นัดแล้วชอบเบี้ยว ทีมงานเล็กมาก ให้เตรียมระวังไว้เลยว่าผู้รับเหมาแบบนี้อาจมีแนวโน้มที่จะทำงานไม่ดี หรือทิ้งงานได้ง่ายๆ

3. ควรทำสัญญาจ้างเป็นหนังสือเสมอ

สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างโดยหลักกฎหมายนั้นเป็นสัญญาประเภทจ้างทำของ ซึ่งไม่ต้องทำเป็นหนังสือเซ็นท์กันก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติ เราขอแนะนำให้ทำเป็นหนังสือสัญญา และลงนามกันชัดเจนเสมอ

เพราะการสร้างบ้านมีรายละเอียดมากมายที่ควรตกลง และระบุกันให้ชัดเจนตั้งแต่แรก เช่น จะชำระค่าจ้างกันกี่งวด เท่าไร และเงื่อนไขการจ่ายคืออะไร หน้าที่ของผู้รับเหมาเป็นอย่างไร การรับประกันบ้านกี่ปี ค่าปรับการสร้างบ้านล่าช้าจะเป็นเท่าไร

นอกจากนี้ เรื่องสำคัญอีกอย่างคือสัญญาควรจะระบุชัดเจนว่า การจ้างนั้น จะเป็นการจ้างแบบเฉพาะค่าแรง(คือเราซื้อวัสดุเอง) หรือจ้างเหมาเบ็ดเสร็จ(ผู้รับเหมาซื้อวัสดุและคิดค่าแรง(บวกกำไร) ด้วย) เป็นต้น ซึ่งการจ้างแบบเฉพาะค่าแรงน่าจะเหมาะสมกับงานก่อสร้างไม่ใหญ่ หรืองานต่อเติมบ้าน(ไม่ใช่สร้างทั้งหลัง) เพราะเราจะคุมราคาวัสดุเองได้ง่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องหมกเม็ดของผู้รับเหมาเวลาซื้อวัสดุ

4. ต้องมี BOQ (Bill Of Quantity) เสมอ

เอกสารนี้ควรมีเสมอโดยเฉพาะการรับเหมาสร้างบ้านทั้งหลังที่มีมูลค่าพอสมควร (อาจไม่จำเป็นสำหรับงานเล็กๆ หรืองานต่อเติมบ้านแค่บางส่วน) BOQ คือเอกสารที่รวบรวมรายการประมาณราคาค่าวัสดุ และค่าแรงก่อสร้างในการก่อสร้างบ้านหลังหนึ่งๆ เป็นเอกสารที่จัดทำจากแบบพิมพ์เขียวก่อสร้างแต่ละแบบอย่างละเอียด (เช่น แบบสถาปัตยกรรม แบบวิศวกรรมโครงสร้าง แบบวิศวกรรมสาธารณูปโภค เป็นต้น)

โดยในเอกสารตัวนี้ จะมีการแบ่งเป็นหมวดๆ ชัดเจน เช่น งานโครงสร้าง งานก่อฉาบผนัง งานฝ้าเพดาน งานระบบน้ำดีน้ำเสีย งานทาสี งานวัสดุปูพื้น เป็นต้น ประโยชน์ของ BOQ มี 2 เรื่องหลักๆ คือ ใช้เป็นราคากลางในการเปรียบเทียบราคาของผู้รับเหมาแต่ละรายก่อนที่เราจะเลือก ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าใครคิดค่าแรง หรือค่าวัสดุแพงมากน้อยต่างกันแค่ไหน
ใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบงาน และควบคุมราคาก่อสร้างบ้าน

และถ้าเกิดปัญหาหรือข้อโต้เถียงกัน เช่น มีการขอปรับราคา หรืองบบานปลาย ก็ใช้เป็นเอกสารพื้นฐานในการต่อรองเจรจา (หรือฟ้องร้อง) กันได้ โดยปกติ ในกรณีของวัสดุ เราควรจะละเอียดขนาดระบุยี่ห้อ รุ่น สี เกรด ความหนา ความยาวของวัสดุไปด้วยเลย หรือในกรณีของค่าแรง เราก็ควรจะละเอียดขนาดระบุไปถึงขอบเขตของงาน เช่น ทารองพื้น 1 รอบ แล้วทาสีจริง 2 รอบ เป็นต้น

บริการของเรา รับทำ BOQ รับถอดแบบและประมาณราคา

5. จ่ายเงินให้เหมาะสมเพื่อเลี่ยงปัญหาละทิ้งงาน

ปัญหาประจำของผู้รับเหมาที่เราจะเจอคือ ผู้รับเหมาทิ้งงานกลางคัน ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ผู้รับเหมาอาจทิ้งงานก็เช่น งานเริ่มขาดทุน หรือรับเงินไปแล้วเอาไปหมุนอย่างอื่นจนไม่มีเงินเหลือซื้อวัสดุ หรือได้เงินมามากกว่างานที่ทำเลยเชิดเงินไปเลย

หลักการที่สำคัญในเรื่องนี้เลยคืออย่าให้เงินผู้รับเหมามากเกินไป แต่ก็ไม่ควรให้น้อยเกินไป (เพราะเขาก็ทำธุรกิจค้าขายเหมือนกัน) ซึ่งความเหมาะสมตรงนี้เมื่อตกลงกันได้แล้ว ก็ควรระบุกันให้ชัดเจนในสัญญาจ้างเหมาว่าจะจ่ายแต่ละงวดเมื่อไหร่ และอะไรเป็นจุดสำเร็จของงานที่จะจ่ายแต่ละงวดนั้น

หลักสำคัญอีกอย่างคือถ้าไม่ใช่ผู้รับเหมาที่รู้จัก หรือรู้ฝีมือกันดี หรือเป็นรายใหญ่น่าเชื่อถือได้ การให้เงินก้อนกันก่อนล่วงหน้าโดยที่ยังไม่ได้เริ่มงานถือว่าเป็นความเสี่ยงเสมอ และนอกจากนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ (โดยเฉพาะผู้รับเหมารายเล็ก) คือชอบขอเบิกเงินล่วงหน้าไม่ตรงตามตารางการเบิกที่ตกลงกันแต่แรก เนื่องด้วยสารพัดเหตุผล เช่น ญาติป่วยบ้าง ไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียนลูกบ้าง เราไม่ควรใจอ่อนนะครับ ถ้าจะให้ควรจ่ายตามเนื้องานว่าเสร็จมากน้อยแค่ไหน มิฉะนั้น เราจะมีความเสี่ยงที่จะโดนเชิดเงินทิ้งงานได้

6. งานแย่หรือไม่ได้มาตรฐานป้องกันอย่างไรดี

ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของการจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างคือ งานที่ทำออกมาห่วย ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้ทำตามแบบ วิธีแก้ หรือป้องกันคือ ตั้งแต่ก่อนเริ่มจ้างเลยลองคุยดูเลยว่าเขามีวิธีคิดแค่แบบช่าง หรือมีวิธีคิดแบบช่างพร้อมมีหลักวิชาการด้วย

หลังจากนั้น เวลาเริ่มสร้างแล้ว ตัวเราเองควรเข้าไปดูบ่อยๆ หรือถ้าไม่มีเวลาก็อาจว่าจ้างสถาปนิก หรือโฟร์แมนให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบงานอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้ ตัวเราเองถ้ามีเวลาก็ควรศึกษาหลักพื้นฐานเกี่ยวกับการก่อสร้างบ้าง เพราะบางทีเวลาคุยกับผู้รับเหมา เราจะได้รู้เรื่องไม่โดนหลอก หรือผู้รับเหมาเสนอแก้งานแบบมักง่ายเข้าว่า

นอกจากนี้ ในส่วนของสัญญาจ้างเหมานั้น ก็ควรมีการระบุกันให้ชัดเจนว่าถ้างาน หรือวัสดุไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้ตามแบบ เราในฐานะผู้ว่าจ้างจะมีสิทธิอะไรบ้าง เช่น ให้หยุดงานและไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง หรือหักเงินค่าจ้างตามส่วนที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ได้มาตรฐาน หรือเลิกสัญญาได้ เป็นต้น

7. ทำงานล่าช้าป้องกันยังไงดี

ปัญหาใหญ่อีกอย่างของการจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างคือ ผู้รับเหมาทำงานล่าช้าไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด ทางแก้ หรือวิธีลดความเสี่ยงตรงนี้ที่สำคัญเลยคือ เราควรจ่ายค่างวดเท่าที่งานเสร็จเท่านั้น ส่วนที่ล่าช้าหรือยังไม่เสร็จเราก็ไม่ควรจ่าย และนอกจากนี้ในสัญญาจ้าง เราควรต้องใส่ข้อสัญญาคุ้มครองสิทธิของเราด้วย โดยหลักๆ เลยคือ

(ก) เราต้องคิดค่าปรับได้ถ้าผู้รับเหมาทำงานช้า โดยควรปรับเป็นรายวัน แต่ในทางปฏิบัติผู้รับเหมามักต่อรองขอให้ค่าปรับโดยรวมแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนเงินก้อนหนึ่งๆ

(ข) ควรมีข้อสัญญาด้วยว่า แม้จะยังไม่ถึงกำหนดเวลาแล้วเสร็จ แต่ถ้าเรามีเหตุเชื่อว่าผู้รับเหมาน่าจะทำงานไม่เสร็จแน่นอน เช่น หายไปเลยมาบ้างไม่มาบ้าง เรามีสิทธิเลิกสัญญา และจ้างคนใหม่ได้โดยผู้รับเหมาคนเดิมต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เป็นต้น

8. จ้างมืออาชีพช่วยตรวจรับมอบบ้าน

งานก่อสร้างบ้านเป็นวิชาชีพอย่างหนึ่ง เวลาเราไปหาหมอบางทียังต้องหา Second Opinion เลย ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ และเรามีเงินที่พอจะทำได้ เราควรยอมเสียเงินสักก้อนหนึ่งจ้างบริษัทรับตรวจสอบบ้าน หรือวิศวกรที่ปรึกษาเข้ามาตรวจงานก่อนรับบ้าน

เพราะในความเป็นจริงบางที การตรวจสอบบางจุดเราไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยสายตาเปล่า หรือเพราะเราไม่มีความรู้เรื่องก่อสร้างอย่างเพียงพอ ขั้นตอนคือ พอเราหาบริษัทตรวจสอบรับบ้าน หรือวิศวกรที่ปรึกษามาได้แล้ว เราก็แค่ส่งแบบบ้าน แบบสาธารณูปโภค แบบโครงสร้าง ระบบน้ำไฟให้เขาดูเบื้องต้นว่าบ้านเราเป็นยังไง เสร็จแล้วก็นัดไปตรวจรับบ้านพร้อมกันเลยในวันที่นัดกับผู้รับเหมา

9. ต้องมีระยะเวลารับประกันที่ชัดเจน

โดยส่วนใหญ่การประกันผลงานก็ขึ้นอยู่กับผู้รับเหมาเป็นรายๆ ไป โดยควรจะระบุกันให้ชัดเจนในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างเลย แต่ถ้าไม่ได้ระบุกันไว้ในสัญญาชัดเจน หลักกฎหมายเรื่องจ้างทำของก็จะวางหลักทั่วไปไว้ว่า

ถ้าเป็นเรื่องของงานโครงสร้างส่วนที่ติดกับพื้นดิน เช่น งานเสาเข็ม การทรุดตัวของโครงสร้างอาคาร การรับประกันจะมีระยะเวลา 5 ปี และถ้าไม่ใช่งานโครงสร้าง เช่น งานสี งานฝ้าเพดาน เป็นต้น การรับประกันจะมีระยะเวลา 1 ปีนับตั้งแต่วันรับมอบงาน

10. การฟ้องอาจไม่ใช่ทางออกเสมอไป

ในทางปฏิบัติ ต้องยอมรับว่าถ้าเราเจอผู้รับเหมาประเภทขี้โกง หรือเร่ร่อน การฟ้องร้องมักจะไม่สามารถช่วยให้เราได้เงินคืนสักเท่าไหร่ เพราะผู้รับเหมามักจะเชิดเงินเราไปแล้ว และหนีอย่างเดียว แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ควรดำเนินการอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นมาเจอผู้รับเหมารายนี้อีก

ขั้นแรกคือควรแจ้งสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านถ้าผู้รับเหมารายนั้นเป็นสมาชิก

ขั้นสองคือควรเรียกร้องกับสคบ. เพื่อให้มีชื่อติดอยู่เป็น Blacklist

และขั้นสามคือหาทนายฟ้องไปเลย ปกติไม่มีสัญญาจ้างก็ฟ้องผู้รับเหมาเป็นคดีแพ่งต่อศาลได้ และมีอายุความในการฟ้องร้อง 2 ปี ในกรณีข้อพิพาทที่เราต้องการฟ้องผู้รับเหมาเกี่ยวกับเรื่องเงินค่าจ้าง ค่าแรง หรือค่าวัสดุ และ 1 ปีในกรณีข้อพิพาทที่เราต้องการฟ้องผู้รับเหมาเกี่ยวกับเรื่องงานก่อสร้างชำรุดบกพร่อง

 

วิธีเลือกผู้รับเหมา เลือกอย่างไร ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

หลายครั้งที่เรามักได้ยินข่าวเรื่อง ผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงานกลางครัน ทั้ง ๆ ที่งานยังไม่เสร็จเรียบร้อย ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของคนที่อยากจะสร้างบ้านกังวล นั่นเป็นเพราะอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรับรอง หรือว่าใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเหมือนกิจการประเภทอื่น ส่งผลให้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาก็ไม่มีใครการันตีให้ได้

เจ้าของบ้านต้องไม่ทำตัวเองให้ดูน่าเบื่อ

บางครั้ง ผู้รับเหมาก่อสร้าง ทิ้งงาน หรือยกเลิกสัญญาก่อนที่งานจะสำเร็จ ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะตัวเจ้าของบ้านเองที่มักทำตัวน่าเบื่อ จุ้นจ้าน เล่นบทเป็นสถาปนิก เปลี่ยนแบบบ้าน เปลี่ยนวัสดุก่อสร้างเองตามอำเภอใจ ชวนให้น่าเบื่อยิ่งนัก จริงอยู่ว่าบ้านของเรา ก็ต้องการสร้างให้ถูกใจตัวเองมากที่สุด แต่การจะทำให้บ้านเสร็จสมบูรณ์ เจ้าของบ้านก็ควรที่จะเตรียมพร้อมไว้ก่อนด้วยวิธี ดังนี้

1.ทำความเข้าใจในแบบบ้านของตัวเองก่อนตั้งแต่เริ่มทำแบบ

หากมีส่วนไหนที่ไม่ถูกใจ ก็ควรแก้แต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องการปรับแบบระหว่างการก่อสร้าง เพราะบางครั้ง อาจทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน เมื่อสร้างไปแล้วก็ต้องมานั่งปรับแต่งกันภายหลังไม่จบสิ้นเสียที

2.กำหนดสเปกวัสดุก่อสร้างตกลงกันให้ชัดเจนเสียก่อน

ว่าส่วนไหนที่เจ้าของบ้านจะจัดหามาเอง หรือส่วนไหนที่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างจัดหามาให้ เพราะหากไม่ตกลงกันไว้ก่อน เวลาที่เลือกวัสดุเจ้าของบ้านก็ย่อมต้องการวัสดุดีมีคุณภาพ สวยงามถูกใจ และป้องกันปัญหาคาใจว่ามีการหมกเม็ดเรื่องราคา ลดสเปกวัสดุก่อสร้างให้ถูกลงกว่าที่คุยกัน รวมทั้งไม่อยากให้งบก่อสร้างบานปลาย

3.อย่าพยายามทำตัวเป็นสถาปนิกเอง

ด้วยการปรับแบบบ้านผิดเพี้ยนไปจากแบบที่ทางสถาปนิกมืออาชีพออกแบบให้ เพราะบางครั้ง อาจจะทำให้ผิดข้อกฎหมาย จนนำมาซึ่งปัญหาชวนปวดหัวกับผู้รับเหมา และยังอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ทั้งกับตัวเจ้าของบ้าน และผู้รับเหมาด้วยเช่นกัน

4.อย่าลืมเป็นนายจ้างที่ดี

ด้วยการจ่ายเงินค่าจ้างให้ตรงงวด เพราะผู้รับเหมาเมื่อได้รับเงินค่าจ้างไปแล้ว จะได้นำไปหมุนเวียนต่อ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่าแรงให้กับลูกน้อง หรือจ่ายค่าวัสดุก่อสร้าง จำเอาไว้ว่าเงินดี งานเดิน ซื้อความสบายใจทั้งสองฝ่าย และห้ามให้ผู้รับเหมาเบิกเงินล่วงหน้า โดยไม่มีเหตุอันควรเด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้นงานนี้คุณจะเจอการหนีงานอย่างแน่นอน

 

สถาปนิกมืออาชีพออกแบบบ้านตามสไตล์คุณ วิศวกรเซ็นต์เพื่อยื่นขออนุญาต

กด >> รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน

งานบริการยอดนิยมจาก บริษัทTAMPBUILDER ออกแบบ เขียนแบบ ถอดแบบ รับเหมาก่อสร้างบ้านและอาคาร ครบวงจร

หาผู้รับเหมา หาช่างก่อสร้าง รับออกแบบบ้าน รับเขียนแบบบ้าน รับทำ BOQ ถอดแบบประมาณราคา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!